กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส เปิดเผยบทวิเคราะห์ว่ามีหุ้นหลายบริษัทที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลห้ามใช้ไขมันทรานส์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะที่จำหน่ายเบเกอร์รี่ ต้องปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตอาหาร ซึ่งจะกระทบต้นทุนการผลิต และอัตราการทำกำไร
หลังมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องห้ามผลิต นำเข้า และจำหน่ายอาหาร ที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ด้านอาหาร ออกมาชี้แจงกันเรื่องนี้ว่าสินค้าของตัวเองปราศจากไขมันทรานส์ โดยอาหารที่มีส่วนประกอบไขมันทรานส์ เช่น เบเกอรี่ ขนมปัง ขนมขบเคี้ยว และไก่ทอด เป็นต้น โดยตลาดเบเกอรี่ของไทย มีมูลค่าสูงถึง 20,000 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ประเมินว่า ผู้ประกอบการที่กระทบจากการห้ามใช้ไขมันทรานส์ ต้องปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตอาหาร ซึ่งจะกระทบต้นทุนการผลิต และอัตราการทำกำไร ส่วนจะกระทบมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างต้นทุนการผลิตของแต่ละราย และจากการสำรวจบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์ ฯ พบว่า มีหลายบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายขนมปังหรือเบเกอรี่ เช่น บมจ. เพรซิเดนท์ เบเกอร์รี่ (PB) มีรายได้หลักจากขายเบเกอรี่ร้อยละ 90 ของยอดขาย, ,บมจ.เอสปอนด์พี ซินดิเคท (SNPX รายได้จากเบเกอรี่ร้อยละ 42 ตามด้วย บมจ. อาฟเตอร์ยู (AU) , บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซ่า ( CENTEL) และ บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT)
AU เป็นร้านเบเกอรี่ Premium วัตถุดิบที่ใช้ในเบเกอรี่ส่วนใหญ่ เช่น ขนมปังโทสต์ หรือเค้ก ไม่น่าใช้มาการีน หรือส่วนผสมที่เป็นไขมันทรานส์ ยกเว้นไอศกรีมบางรสชาติ ที่ผสมครีมเทียม แต่สัดส่วนรายได้ไม่ถึงร้อยละ 10-20 ของรายได้รวม
CENTEL อาหารที่กระทบคือ Mister Donut มีส่วนผสมไขมันทรานส์ ขณะที่ KFC และ Auntie Anne’s ยืนยันล่าสุดว่าอาหารปราศจากไขมันทรานส์ ทั้งนี้ส่วนของขนมมีต้นทุนจากการใช้มาการีนร้อยละ 3-4 ของต้นทุนรวม จึงกระทบกำไรไม่มาก โดยรายได้จาก Mister Donut คิดเป็นร้อยละ 8 ของรายได้รวม และกำไรมีสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 5 ของกำไรรวม
MINT บริษัทไม่เปิดเผยข้อมูลต้นทุนวัตถุดิบที่ชัดเจน แต่บริษัทมีโรงงานผลิตชีสของตัวเอง ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไขมันทรานส์ รวมถึงมี outsource จากภายนอก โดยร้านอาหารและขนมที่คาดกระทบได้แก่ Dairy Queen, Swensen’s, Pizza Company และ Breadtalk มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ15 ของรายได้รวมและกำไรสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรรวม
ฝ่ายวิจัยฯได้สอบถามไปยัง CENTEL, MINT และ AU ได้รับคำตอบว่า การห้ามใช้ไขมันทรานส์ น่าจะกระทบกำไรเล็กน้อย และแต่ละรายมีแนวทางในการปรับสูตรให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหากต้นทุนสูงขึ้นก็สามารถผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดยการขึ้นราคาขาย หรือคงราคาเดิม แต่ปรับลดขนาดและปริมาณลง – สำนักข่าวไทย