อย.ย้ำผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีไขมันทรานส์ แสดงฉลากไม่ได้

สสส.24 ก.ค.–อย.แจงควบคุมไขมันทรานส์ แจ้งผู้ประกอบการรู้ล่วงหน้า ตั้งแต่ปี59 แต่ไม่สามารถแสดงฉลากการันตีปราศจาก 0% ได้อาจเข้าข่ายแสดงฉลากเท็จ ส่วนการอ้างขึ้นราคาเพราะเปลี่ยนวัตถุดิบทำไม่ได้เช่นกัน 


ในการแถลงข่าวความจริงเรื่องไขมันทรานส์ น.ส.สุภัทรา บุญเสริม ผู้อำนวยการสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนทั้งตระหนักและตระหนกเกี่ยวกับสถานการณ์ไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหาร  แต่อยากให้มีความเข้าใจว่าทาง อย. ได้มีการแจ้งผู้ประกอบการที่ผลิตน้ำมัน และไขมันที่เป็นส่วนประกอบของกระบวนการผลิตอาหารให้มีการปรับสูตร โดยไม่ใช้น้ำมันที่ผ่านการเติมไฮโครเจนบางส่วนแล้ว ตั้งแต่ ปี 2559  ทำให้กระบวนการอุตสาหกรรมมีการปรับตัวไมใช่เพิ่งแจ้ง โดยประเทศมีผู้ประกอบการผลิตน้ำมันแค่ 3 รายเท่านั้น จึงเชื่อว่าในปัจจุบันแทบไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ไขมันทรานส์ปริมาณสูงหลงเหลือ โดยประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือ จำหน่าย น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน และอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ  จะมีผลบังคับลใช้ 9 มกราคม 2562 


น.ส.สุภัทรา กล่าวต่อว่า ความเข้าใจของประชาชนเรื่องไขมันทรานส์ที่ถูกต้องยังมีอยู่น้อย โดยธรรมชาติของกระบวนการผลิตอาหาร สามารถเกิดไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันทรานส์ตามธรรมชาติแต่น้อยมาก ส่วนใหญ่เกิดจากระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม ดังนั้นการที่ผลิตภัณฑ์อาหารที่ ฉวยโอกาสโอกาสเรื่องประกาศ ไขมันทรานส์ ออกมาการันตีผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ติดฉลากปราศจากไขมันทรานส์หรือไขมันทรานส์เป็น 0เลยนั้น  ไม่สามารถทำได้ เพราะขณะนี้ยังเป็นเรื่องการขอความร่วมมือ และหากตรวจพบว่า มีไขมันทรานส์ในปริมาณที่สูงเกินกำหนดต่อหน่วยบริโภคที่กำหนดไว้ ห้ามเกิน ร้อยละ1 หรือ ไม่ควรเกิน 2 กรัม  จะเท่ากับหลอกลวงผู้บริโภค เข้าข่ายแสดงฉลากเป็นเท็จ 

ส่วนการออกมาประกาศขึ้นราคาผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจากการปรับสูตรผลิตและใช้วัตถุดิบอื่นแทนนั้น เรื่องนี้ทางอย.ได้มีการชี้แจงผู้ผลิตมาตั้งแต่ปี 2559 จึงทำให้ผู้ประกอบการมีการเตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว  เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคา 


รศ.วันทนีย์ เกรียงสินยศ อาจารย์สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล   กล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวกว่าไขมันทรานส์ คือไขมันอิ่มตัว ที่มาจากกระบวน การทอดน้ำมันท่วม โดยคนไทยมีอัตราการบริโภคมากกว่า ไขมันทรานส์แบ่งเป็นไขมันทรานส์ตามธรรมชาติที่เกิดจากสัตว์เคี้ยวเอื้อง ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก ในขณะที่ไขมันทรานส์จากกระบวนการเติมไฮโดรเจน  มีในกลุ่มขนมอบ เบเกอรี่ อาหารทอดแบบน้ำท่วม ซึ่งความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดไม่ได้เกิดจากไขมันทรานส์เท่านั้น แต่ยังเกิดการจากบริโภคไขมันอิ่นตัวด้วย โดยอัตราการบริโภค ของไขมันทรานส์ต่อวัน     ไม่ควรเกิน 2 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัว ไม่ควรเกิน 20 กรัม  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ ปะทะเดือดใกล้จุดแตกหัก

ทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 800 เมตร โรงเรียนในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ติดแนวปะทะ หยุดการเรียนการสอน 1 วัน ขณะที่มีชาวเมียนมาหนีภัยสู้รบเข้าไทยกว่า 400 คน

ทร.จับเรือประมงเมียนมารุกล้ำน่านน้ำไทย

ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือระนอง จับกุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา พร้อมลูกเรือและกัปตันเรือ 6 คน ขณะรุกล้ำน่านน้ำไทย บริเวณน่านน้ำเกาะช้าง จ.ระนอง ก่อนควบคุมเรือลำดังกล่าวมาตรวจสอบที่ท่าเรือน้ำลึกระนอง

แจ้งความเอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลุยเอง ยื่นหลักฐานให้ตำรวจ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ระบุทำกันมานานเกือบ 10 ปี พบทั้งข้าราชการ-อดีตข้าราชการ เอี่ยวประมาณ 20 คน

รู้เบาะแสคนร้ายชิงทอง 102 บาท คาดเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 102 บาท ภายในห้างดังกลางเมืองแม่สอด คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน ป้องกันคนร้ายหลบหนี พร้อมยกระดับมาตรการดูแลร้านทอง-ห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุซ้ำรอย