รัฐสภา 16 ก.ค.-ประธาน สนช.ชี้เลือกประธาน กกต.เป็นเรื่องของว่าที่ กกต. 5 คน จะคุยกันเอง ยอมรับอาจมีชื่อออกมา เพราะกองเชียร์ แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อเลือกแล้วต้องจบ ไม่มีความขัดแย้งจนส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำงาน พร้อมเตือนว่าที่ กกต.ต้องลาออกจากงานอื่นให้เรียบร้อยอย่างเป็นทางการ หวั่นกระทบคุณสมบัติ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หนึ่งในกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่อดีต กกต.ขอให้จับตาดูการเลือกประธาน กกต. และให้ระวังการล็อบบี้ ว่า การเลือกประธาน กกต.เป็นเรื่องของว่าที่ กกต.ที่จะต้องประชุมและเลือกกันเอง ไม่เกี่ยวกับกรรมการสรรหา ซึ่งแต่ละคนอาจจะคิดว่าตัวเองเหมาะสมที่จะเป็น ก็อาจจะมีการพูดจาแนะนำตัว หรืออาจจะมีผู้ที่มีคนเชียร์หรือสนับสนุนให้เป็น ก็อาจจะมีการพูดถึง ถือเป็นธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่อาจจะมีข่าวว่าใครจะมาเป็นประธาน กกต. แต่สิ่งสำคัญ คือ เมื่อได้รับเลือกเป็นประธาน กกต.แล้ว จะต้องไม่มีความขัดแย้งกัน ซึ่งในประเด็นนี้ คณะกรรมการสรรหา กกต.ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการทำงานร่วมกัน และได้พิจารณาแล้ว โดยได้มีการซักถามผู้สมัครถึงการทำงานร่วมกันว่าเข้ามาแล้วจะต้องไม่มีความขัดแย้ง ดังนั้นมั่นใจในระดับหนึ่งว่า ว่าที่ กกต.ที่ได้รับการสรรหามา น่าจะทำงานร่วมกันได้ ไม่มีความขัดแย้ง เมื่อเลือกประธาน กกต.เสร็จ ทุกอย่างน่าจะจบ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลต่อความศรัทธาทั้งระบบ
“เป็นธรรมชาติของทุกแห่งที่จะมีข่าว แต่เมื่อได้เป็นแล้วจะต้องจบ และต้องร่วมกันทำงาน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้เป็นแล้วจะไม่ให้ความร่วมมือ จึงเชื่อว่าเลือกประธานเสร็จแล้ว น่าจะจบและร่วมมือกันทำงานได้ ทางกรรมการสรรหาก็คำนึงถึงเรื่องนี้ ดังนั้นตอนสัมภาษณ์ หากใครมีอีโก้ หรือมีท่าทีที่จะมีปัญหาในการทำงาน ก็จะได้คะแนนน้อย” นายพรเพชร กล่าว
ประธาน สนช. กล่าวย้ำว่า ว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คนที่ได้รับการเลือกแล้ว จะต้องลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาและการทำงานในบริษัทต่าง ๆ ให้หมด โดยจะต้องดำเนินการอย่างเป็นทางการ มีหลักฐานการรับหนังสือไว้ชัดเจน หากเป็นตำแหน่งที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ จะต้องมีหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งด้วย อย่าให้เกิดปัญหา เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระทบกับคุณสมบัติการเป็น กกต. ซึ่งในส่วนของสำนักเลขาธิการวุฒิสภา ตรวจสอบได้ในเบื้องต้น แต่เจ้าตัวจะทราบดีที่สุด
ส่วนการสรรหา กกต.ที่เหลืออีก 2 คนนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า จะรอให้นำรายชื่อประธานและว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คนขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อน เผื่อมีใครลาออก หรือมีปัญหา จากนั้นค่อยเริ่มกระบวนการสรรหา ซึ่งจะใช้วิธีการใด จะต้องมีการหารือกัน พร้อมปฏิเสธไม่ขอแสดงความเห็นว่าควรจะใช้วิธีการทาบทาม หรือเปิดรับสมัคร เพราะต้องหารือกันในกรรมการสรรหาก่อน.-สำนักข่าวไทย