กรุงเทพฯ 5 ก.ค. – สศก.เร่งแก้ปัญหามะพร้าวราคาตก วางเกณฑ์เปิดตลาดภายใต้ WTO-AFTA คุมเข้มนำเข้าช่วงผลผลิตออกตลาด
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคามะพร้าวตกต่ำขณะนี้ ว่า ราคาที่เกษตรกรขายได้ (ผลใหญ่) ปี 2561 (ม.ค. – มิ.ย.) มีแนวโน้มลดลงเฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.74 บาท เมื่อเทียบกับปี 2560 เฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 13.62 บาท ลดลงร้อยละ 28.49 โดยเดือนมิถุนายน 2561 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.96 บาท และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.10 บาท ลดลงร้อยละ 57.73
สำหรับผลผลิตมะพร้าวปี 2561 ประมาณ 860,160 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน 832,895 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.44 เนื่องจากแหล่งปลูกมะพร้าวสำคัญ คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของศัตรูพืชแมลงดำหนามและหนอนหัวดำ ประกอบกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สนับสนุนให้เกษตรกรใช้ศัตรูธรรมชาติตัวเบียนบราคอนในพื้นที่ระบาดเพื่อทำลายศัตรูพืช ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมามีปริมาณน้ำฝนเพียงพอผลผลิตมะพร้าวจึงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผลผลิตต่อไร่ปี 2561 อยู่ที่ 783 กิโลกรัม หรือ 626 ผลต่อไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่ให้ผลผลิต 754 กิโลกรัม หรือ 603 ผลต่อไร่
อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 – 2559 พื้นที่ปลูกมะพร้าวได้รับผลกระทบจากปัญหาการระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าว ส่งผลให้ผลผลิตมะพร้าวภายในประเทศลดลง ขณะที่ความต้องการมะพร้าวเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 10 ทำให้มีการนำเข้ามะพร้าวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาตกต่ำลง ซึ่งมะพร้าวเป็นสินค้าที่ไทยต้องเปิดตลาดตามข้อผูกพัน ดังนั้น คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชจึงมีมติเห็นชอบให้เปิดตลาดมะพร้าวและผลิตภัณฑ์ ภายใต้กรอบ WTO และ AFTA ครั้งละ 3 ปี (ปี 2560 – 2562) ตามข้อผูกพัน และมีการบริหารการนำเข้าปีต่อปี โดยการบริหารการนำเข้าปี 2561 ภายใต้กรอบ WTO ให้มะพร้าวผลและมะพร้าวฝอยในโควตาปริมาณ 2,317 และ 110 ตัน ตามลำดับ อัตราภาษีมะพร้าวผลและมะพร้าวฝอยในโควตาร้อยละ 20 นอกโควตาร้อยละ 54 ส่วนเนื้อมะพร้าวแห้งปริมาณ 1,157 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 20 นอกโควตาร้อยละ 36 และน้ำมันมะพร้าวปริมาณ 401 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 20 นอกโควตาร้อยละ 52 การบริหารการนำเข้าเพื่อดูแลเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าว กำหนดช่วงเวลานำเข้าในโควตา คือ เดือนมกราคม – พฤษภาคม และพฤศจิกายน – ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตไทยออกสู่ตลาดน้อย หากต้องการนำเข้าต้องเสียภาษีนอกโควตาตามที่กำหนดไว้ สำหรับการนำเข้าน้ำมันมะพร้าวให้นำเข้าได้ไม่จำกัดช่วงเวลาและผู้นำเข้าต้องเป็นผู้ใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบและต้องขออนุญาตนำเข้าจากกรมการค้าต่างประเทศ อีกทั้งต้องเป็นนิติบุคคลที่ใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบในกิจการของตนเองและดำเนินกิจการอยู่ในปัจจุบันด้วย
ส่วนภายใต้กรอบ AFTA การนำเข้ามะพร้าวผล เนื้อมะพร้าวฝอย และน้ำมันมะพร้าว ไม่จำกัดปริมาณ อัตราภาษีร้อยละ 0 ยกเว้นเนื้อมะพร้าวแห้ง อัตราภาษีร้อยละ 5 และให้มีการบริหารการนำเข้าเช่นเดียวกับกรอบ WTO คือ กำหนดช่วงเวลานำเข้าช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม และพฤศจิกายน – ธันวาคม โดยให้นำเข้ามาเพื่อใช้ในกิจการของตนเองเท่านั้น โดยขณะนี้ สศก.เตรียมเสนอคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช เพื่อพิจารณาทบทวนการบริหารการนำเข้า เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย