สำนักงาน กกต. 23 ก.ย.- กกต.เตรียมส่งร่างพ.ร.ป.กกต. ให้ กรธ. 26 ก.ย.เผยสาระสำคัญ กำหนดให้มีกกต.จังหวัด ๆ ละ 5 คน ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกกต. มีโทษทางอาญา นอกเหนือโทษวินัย ให้สินบนนำจับ สำหรับผู้แจ้งเบาะแสในการกระทำความผิด คงสถานะ กกต. ชุดปัจจุบันให้ทำงานต่อไปจนครบวาระ
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผย ถึง สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหลักการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในหลายเรื่อง
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วย การปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ในระหว่างที่ กกต.พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ และยังไม่มีการแต่งตั้ง กกต.แทนตำแหน่งที่ว่าง ให้กกต. เท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ แต่ถ้ามีกกต. เหลืออยู่ไม่ถึง 4 คน ให้กระทำได้แต่เฉพาะการที่จำเป็น อันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้มีกกต. จังหวัด ๆ ละ 5 คน โดยให้พิจารณาแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ ในสัดส่วนของแต่ละด้าน เพื่อให้ กกต.ประจำจังหวัดมาจากหลากหลายอาชีพและมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการลงโทษข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้าง ซึ่งมีหน้าที่ แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กกต. เป็นผลให้การเลือกตั้งเกิดความเสียหาย ให้มีบทลงโทษทางอาญาด้วย นอกจากโทษทางวินัย เพื่อให้กระบวนการจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีมาตรการลงโทษกับบุคคลที่ไม่ให้ความช่วยเหลือในการจัดการเลือกตั้งตามคำสั่งของ กกต. การสืบสวนหรือไต่สวนของ กกต. ให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้รับมอบหมายจากประธาน กกต. ซึ่งการพิจารณาจะเป็นเพียงคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งเท่านั้น
ทั้งนี้ กกต. ได้กำหนดว่า หากบุคคลมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดตามกฎหมาย แต่สามารถให้ถ้อยคำ หรือแจ้งเบาะแส และข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญในการที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในการวินิจฉัยการกระทำความผิด กกต.จะพิจารณาไม่ดำเนินคดีอาญาแก่บุคคลดังกล่าว ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ยินยอมเข้ามาให้การต่อ กกต.
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า กกต. ได้กำหนด ให้จัดตั้งกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้ง เพื่อใช้เป็นเงินทุนใช้จ่าย สำหรับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเลือกตั้ง และจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแส โดยแบ่งเป็น การแจ้งเบาะแสการทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. – การเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น หรือ นายกฯ อบต.ได้ ห้าหมื่นถึงหนึ่งแสนบาท การแจ้งเบาะแสทุจริตการเลือกตั้งสภาท้องถิ่น หรือ อบจ.ได้ สามหมื่นถึงแปดหมื่นบาท ทั้งนี้ในการระบุการกระทำผิดแล้วเสร็จ ผู้ที่กระทำให้เกิดความเสียหายจากการซื้อเสียงเลือกตั้งต้องชดใช้เงินในการจัดการเลือกตั้งใหม่ พร้อมค่าสินไหม 2% ของค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งในเขตนั้น ๆ เพื่อนำเข้ากองทุน นอกจากนี้ประชาชนสามารถที่จะบริจาคเงินเข้ากองทุนได้และนำไปหักภาษีได้
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า สำหรับสถานะของคณะกรรมการเลือกตั้งชุดปัจจุบันให้ดำรงตำแหน่งต่อไปตาม พ.ร.บ.กระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. พ.ศ.2550 ซึ่งให้เป็น กกต.ตามร่างรัฐธรรมนูญต่อไปจนครบวาระ ส่วนการสรรหากกต.เพิ่มเติม กำหนดให้มีการสรรหาให้ครบจำนวน ภายใน 45 วันนับตั้งแต่ประกาศใช้ในร่างพรป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยให้เริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ประธาน กกต.จะลงนามร่างพรป.ฉบับนี้และส่งให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในวันที่ 26 กันยายน และจะขอนัด กรธ.หารือวันที่ 29 กันยายนต่อไป เชื่อว่าหากร่าง พ.ร.ป.ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ จะมีส่วนช่วยให้การทุจริตการเลือกตั้งหมดไป .-สำนักข่าวไทย