นครราชสีมา 12 มิ.ย.-สำนักข่าวไทยยังเกาะติดความคืบหน้าคดีเด็กวัยรุ่น 2 คน ใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งถูกจับกุมคดีชิงทรัพย์เมื่อ 14 กันยายน 59 แต่ถูกนำไปสวมคดีฆ่าแม่ต่อหน้าลูกชายวัย 8 ขวบ ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปี สำนักข่าวไทยลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลจนพบความผิดปกติ และนำเสนอประเด็นดังกล่าวออกไปสู่สังคม จนกระทั่งในวันนี้คดีก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
“เต้ย” ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันทำร้ายร่างกายแม่ต่อหน้าลูกวัย 8 ขวบ จนเสียชีวิต ในพื้นที่ ต.ชีวาน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เมื่อ 19 สิงหาคม 59 ออกบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ขอขมาปู่ย่าและผู้เป็นป้าทันที หลังพ้นโทษในคดีร่วมกันชิงทรัพย์เพื่อนบ้าน
หลังบวช “พระเต้ย” เปิดใจกับทีมข่าวอาชญากรรม สำนักข่าวไทย ว่าก่อนหน้านี้ทุกข์ใจมาก ต้องตกเป็นฆาตรกรฆ่าคนตาย เป็นกรรมที่ไม่ได้ก่อ แต่จำยอมต้องรับสารภาพ เพื่อให้ผ่านพ้นขั้นตอนการสอบสวนของตำรวจ ยอมเขียนคำรับสารภาพตามแบบร่างที่ปรินซ์มาจากคอมพิวเตอร์ ยอมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักสถานที่ดังกล่าวมาก่อน ยอมให้ผู้คนตะโกนด่าสาปแช่ง แม้อยากตะโกนกลับไปว่า สิ่งที่เห็นมันไม่ใช่ แต่กลับบอกไม่ได้
เช่นเดียวกับ “แบท” เด็กวัยรุ่นอีกคน ที่ถูกระบุในสำนวนว่าเป็นเจ้าของปืนและเป็นผู้ลงมือทำร้ายนางอรุณ ปลั่งกลาง ขณะขี่รถจักรยานยนต์ที่มีลูกชาย 8 ขวบ นั่งซ้อนด้านหน้า จนรถเสียหลักพลัดตกไหล่ทาง ก่อนพลิกคว่ำกลางทุ่งนา และนางอรุณ เสียชีวิต
“แบท” ยอมรับแค้นตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.พิมาย มาก จำหน้าทุกคนได้ดี โดยเฉพาะคนที่ใช้ไม้เบสบอลโลหะตีหน้าแข้ง พร้อมระบุตนไม่ใช่คนดี แต่ไม่เคยคิดฆ่าคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ เกิดเป็นลูกผู้ชาย กล้าทำ กล้ารับ แม้โทษประหาร แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่
หลังทีมข่าวอาชญกรรม สำนักข่าวไทย ลงพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบข้อมูลทุกด้านอย่างรอบคอบ พบความผิดปกติในสำนวนหลายอย่างที่ไม่ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม ล่าสุด อัยการจังหวัดพิมายมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองคน เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานที่จะฟ้องทั้งคู่ได้ เช่นเดียวกับอธิบดีอัยการภาค 3 ที่เห็นพ้องกับอัยการจังหวัดพิมาย ก่อนส่งความเห็นดังกล่าวกลับไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ว่าเห็นพ้องกับอัยการหรือไม่
คดีนี้ครอบครัว 2 ผู้ต้องหาใช้เวลาในการเรียกร้องและต่อสู้เพื่อยืนยันว่า “เต้ย และแบท” เด็กวัยรุ่นทั้งคู่ไม่ได้กระทำผิด และการจับกุม ตลอดจนขั้นตอนการสอบสวนของตำรวจ สภ.พิมาย ไม่ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม ตลอดระยะเวลา 2 ปี ไม่เคยท้อ แม้ต้องหมดเงินสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
ในที่สุด 11 มิถุนายน การรอคอยความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ก็สิ้นสุดลง เมื่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พิจารณาสำนวนอย่างถี่ถ้วนนานเกือน 2 เดือน และเห็นพ้องกับอัยการจังหวัดพิมาย สั่งไม่ฟ้อง “เต้ย และแบท” เพราะไม่มีพยานหลักฐาน ทำให้ทั้งคู่พ้นมลทินทันที.-สำนักข่าวไทย