กรุงเทพฯ 6 มิ.ย.-รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำทีมเปิดตัวแผนปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ต่อสาธารณชนครั้งแรก พร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ติดตามรายละเอียดกับรายงานของทีมข่าวการเมือง
เปิดตัวแล้วอย่างสวยงาม สำหรับแผนปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน และยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ที่นับเป็นครั้งแรกกับการเปิดตัวต่อสาธารณชน ภายใต้ชื่องาน Future Thailand โดยนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำทีมเปิดเวทีที่ห้างดังใจกลางเมือง เพื่อชี้แจงรายละเอียดและพูดคุยอย่างเป็นกันเองให้ประชาชนเข้าใจว่า ทำไมประเทศไทยต้องปฏิรูป และทำไมต้องมียุทธศาสตร์ชาติ โดยเปรียบเทียบคำสัญญาของแต่ละรัฐบาลที่จะพาประชาชนไปเที่ยว แต่ไม่เคยถึงจุดหมายเลยสักครั้ง
ในงาน Future Thailand ยังจัดนิทรรศการแผนปฏิรูปประเทศ ที่ชี้แจงในรูปแบบเข้าใจง่าย เริ่มต้นที่การปฏิรูปด้านการเมือง เน้นการเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรม พรรคการเมืองเป็นของประชาชน ด้านบริหารราชการแผ่นดิน ปรับองค์กรให้กะทัดรัด ทุกภาคส่วนร่วมตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ด้านกฎหมาย มีกลไกมาตรา 77 ตามรัฐธรรมนูญ ให้มีกฎหมายเท่าที่จำเป็น ด้านยุติธรรม ปรับปรุงระบบสอบสวนคดีอาญา ถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการ
ด้านเศรษฐกิจ จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารการส่งเสริมผลิตภาพ การมาตรฐาน และนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดการมลพิษให้มีประสิทธิภาพ ประชาชนมีส่วนจัดการทรัพยากรน้ำ ด้านสาธารณสุข กระจายบุคลากรไม่ให้ขาดแคลน ด้านสื่อสารมวลชน เน้นจริยธรรมมาตรฐานสื่อ สร้างสภาผู้ประกอบการและนักวิชาชีพด้านสื่อระดับชาติ ด้านสังคม บูรณาการภาครัฐเป็นหนึ่งเดียว ให้ประชาชนเข้าถึงได้
ด้านพลังงาน พัฒนาศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ สร้างโอกาสเป็นศูนย์กลางการผลิตไฟฟ้าในอาเซียน ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มีกฎหมายรองรับการรวมตัวเพื่อต่อต้านการทุจริตภายใน 2 ปี และด้านการศึกษา ตรากฎหมายการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ คัดกรองครู กระจายสู่พื้นที่ขาดแคลน
ขณะที่ร่างยุทธศาสตร์ชาติประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง การสร้างความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ และ สนช.เตรียมพิจารณาในสัปดาห์หน้าเพื่อประกาศใช้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย