ทำเนียบฯ 5 มิ.ย. – ครม.ตีกลับขอปรับเพิ่มค่าโดยสารรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน 3 ก.ค.นี้ สั่งคมนาคมเจรจา BEM พร้อมเห็นชอบเอกชน 2 ราย ให้บริการอาหารสนามบินอู่ตะเภา
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ตีกลับการปรับเพิ่มค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน พร้อมสั่งเจรจากับภาคเอกชนผู้ให้สัมปทานบริการเดินรถ เพราะหาก ครม.เห็นชอบตามข้อเสนออาจเข้าข่ายความผิดสัญญาต้องประกาศให้ประชาชนรับทราบ 1 เดือน ก่อนปรับเพิ่มราคา จากกำหนด 3 กรกฎาคม 2561 ต้องขยับราคาใหม่ แต่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพิ่งเสนอมาบรรจุวาระเสนอให้ ครม.พิจารณา ดังนั้น ขั้นตอนประกาศให้ประชาชนรับทราบ 30 วัน ก่อนปรับเพิ่มราคา จึงไม่สามารถดำเนินการได้และเลื่อนการปรับเพิ่มราคาออกไปก่อน จึงมอบหมายให้ รฟม.เจรจากับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เพิ่มเติม
“กระทรวงคมนาคมได้เสนอปรับเพิ่มค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หากนั่งระยะทาง 5, 8, 11 สถานีจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 1 บาท ยกเว้นค่าโดยสารให้คนพิการและเด็กความสูงไม่เกิน 90 เซ็นติเมตร สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เด็กความสูงไม่เกิน 120 เซ็นติเมตร เก็บค่าโดยสารครึ่งราคา” นายณัฐพร กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบตามข้อเสนอกระทรวงคมนาคมให้บริษัท ครัวการบินกรุงเทพฯ จำกัด และบริษัท แอลเอสจี สกายเชฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบอาหารให้บริการบนสายการบิน จากเดิมทำสัญญากับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ยังมีศักยภาพเพิ่ม เอกชนทั้ง 2 ราย จึงขยายกิจการให้บริการสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นสนามบินหลักอีกหนึ่งแห่งเพิ่มเติม ด้วยสัดสรรส่วนแบ่งรายได้ให้กับ ทอท. ร้อยละ 12 เท่ากับสนามบินสุวรรณภูมิ โดย BAC มีกำลังผลิตอาหารได้ 35,000 มื้อต่อวัน แต่ผลิตส่งสนามบินสุวรรณภูมิ 27,433 มื้อต่อวัน ส่วน LSG มีกำลังการผลิตอาหาร 25,000 มื้อต่อวัน แต่ผลิตส่งสนามบินสุวรรณภูมิ 12,376 มื้อต่อวัน.-สำนักข่าวไทย