ราชบุรี 2 มิ.ย.61- ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ร.ต.อ.เมืองราชบุรี หลังสาวร้องขอความเป็นธรรม ถูกตำรวจเพื่อนชายตบบ้องหูจนแก้วหูฉีกก่อนพาเข้าโรงแรมขืนใจ
พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีหญิงสาวร้องขอความเป็นธรรมถูกตำรวจตบบ้องหูจนแก้วหูฉีก และจะข่มขืน เหตุเกิดท้องที่ สภ.เมืองราชบุรี ว่า รายงานจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 61 สภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย.61 ร.ต.อ.สนธยา เย็นใจ (ผู้ต้องหา) ซึ่งคบหาเป็นเพื่อนได้ประมาณ 3 เดือน ได้โทรศัพท์ชักชวนผู้เสียหายให้ออกไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน โดยให้ผู้เสียหายขับรถยนต์ไปรับ และมานั่งดื่มเหล้ากันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ผู้เสียหายจึงได้ชวน ร.ต.อ.สนธยา กลับบ้าน เนื่องจากเห็นว่าดึกแล้ว จึงทำให้เกิดความไม่พอใจและได้มีปากเสียงกัน เกิดการทำลายทรัพย์สินและทำร้ายร่างกาย โดยใช้มือตบไปที่ใบหน้าของผู้เสียหาย จากนั้นได้ขับรถพาผู้เสียหายไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และพยายามพาผู้เสียหายเข้าไปยังห้องพัก ผู้เสียหายได้ดิ้นรนขัดขืนและร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ และเกิดการทำร้ายร่างกายขึ้นอีก ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ต่อมาผู้เสียหายอาศัยจังหวะที่ ร.ต.อ.สนธยา ไปเข้าห้องน้ำ จึงได้วิ่งออกจากห้องพักและได้ขับรถหลบหนีออกมา จากนั้นจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.สนธยา ตามกฎหมาย
พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ วาดแผนที่เกิดเหตุและถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุ พร้อมส่งตัวผู้เสียหายไปไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลราชบุรีต่อไป
เบื้องต้นแพทย์โรงพยาบาลราชบุรีได้วินิจฉัยอาการบาดเจ็บ พบว่ามีรอยฟอกช้ำบริเวณข้อมือและต้นแขน และมีเยื่อหูข้างซ้ายฉีกขาดและแก้วหูข้างซ้ายทะลุ ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.61 พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวให้ ร.ต.อ.สนธยา ทราบ ในความผิดฐาน “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใด, กักขังหรือหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส”
และเมื่อวันที่ 28 พ.ค.61 สภ.ปากท่อ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ร.ต.อ.สนธยา ในฐานความผิดดังกล่าวว่ามีมูลหรือไม่ พร้อมกับได้มีคำสั่งให้ไปรักษาการในตำแหน่งรองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ดำเนินสะดวก ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ที่รับราชการปกติ
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก พนักงานสอบสวนยังคงต้องรอผลการชันสูตรบาดแผลจากแพทย์และผลพิมพ์มือผู้ต้องหา จากทะเบียนประวัติอาชญากร ซึ่งในเรื่องนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรแต่อย่างใด สำหรับความผิดดังกล่าวให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน หากมีข้าราชการตำรวจกระทำความผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่มีการปกป้องอย่างแน่นอน
ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งการข้าราชการตำรวจทุกนายไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย เสียเอง กำชับให้ผู้บังคับบัญชาหมั่นตรวจสอบ สอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติตนนอกแถวจะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้อยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงองค์กรต่อไป.-สำนักข่าวไทย