กรมศุลเชื่ออันดับยากง่ายการทำธุรกิจไทยดีขึ้น

กรุงเทพฯ 30 เม.ย. – กรมศุลกากรเสริมมาตรฐานเออีไอ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศ เชื่ออันดับที่ธนาคารโลกจะมาประเมินอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทยในเดือนพฤษภาคมนี้ อันดับจะดีขึ้น 


นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ได้มอบใบรับรองสถานภาพเป็นผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ ประจำปี 2561 จำนวน 112 บริษัท สำหรับมาตรฐานเออีโอ เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความปลอดภัย ในการนำเข้าและส่งออกตลอดเส้นทางการขนส่งสินค้า ซึ่งปัจจุบันบันมีอยู่ 74 ประเทศ ที่ใช้มาตรฐาน เออีโอ ซึ่งที่ผ่านมากรมศุลกากรได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างศุลกากรฮ่องกงและศุลกากรเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการจากประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอังกฤษ ซึ่งจะทำให้ยกระดับมาตรฐานเออีโอในประเทศไทยได้รับสิทธิพิเศษในการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร  โดยตั้งเป้าปีนี้ไว้ที่ 500 บริษัทจากเดิมที่อยู่ที่ 345 บริษัท  ที่จะได้รับมาตฐานเออีโอเพิ่ม เป็นการเสริมศักยภาพในการทำการค้าของประเทศไทย ซึ่งในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีเจ้าหน้าที่ของธนาคารโลกเข้ามาประเมินการจัดลำดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของประเทศไทย หรือ Doing Business ซึ่งคาดว่าจะอันดับดีขึ้นจากมาตรฐานของศุลกากรดังกล่าว 

ส่วนกรณี ที่อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมยื่น  ป.ป.ช. ในวันพุธที่ 2 พฤษภาคม ให้ตรวจสอบกระบวนการสอบสวนกรณีรถหรูเลี่ยงภาษี 554 คัน นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร  กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าว ว่า มีเนื้อหาอย่างไร เพื่อนำมาชี้แจง ต่อ ป.ป.ช. ซึ่งยืนยันกรมศุลกากรดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวตามกระบวนการทุกขั้นตอน แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ มีหน่วยงานอื่นมาร่วมตรวจสอบด้วยทั้ง ดีเอสไอ สำนักงานอัยการ ส่วนความคืบหน้าการจัดทำโครงสร้างภาษีรถหรูใหม่ ได้เสนอกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว ซึ่งกรอบภาษีในเบื้องต้น คือจะมีการลดภาษีนำเข้ารถหรู จาก 328% ในปัจจุบัน เหลือ 200%


นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรมศุลกากรได้มีการจับกุมผู้นำเข้า สินค้าราคาสูงกว่า 20,000 บาท ตามที่กรมศุลกากรกำหนดแม้ว่าจะมีการยกเลิกประกาศทางพิธีศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำเข้า หรือออกนอกราชอาณาจักรจะต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ก่อน  แต่ถือว่ามีการจับกุมที่ไม่สูงมากจนมีนัยสำคัญที่ต้องจับตาดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเพราะกรมศุลกากรได้ดูแลตรวจสอบการนำเจ้าสินค้าจากต่างประเทศเป็นรายบุคคลโดยเฉพาะบุคคลที่มีแนวโน้ม หรือตรวจสอบได้ว่าเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ ที่นำสินค้าเข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง 

ขณะเดียวกันกรมศุลกากรอยู่ระหว่างการทบทวนเพื่อแก้ไขข้อความในร่างประกาศพิธีศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำเจ้า หรือออกนอกราชอาณาจักรจะต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะมีการทำประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนที่จะมีการประกาศใช้อีกครั้ง 

ส่วนกรณีที่ทางอาลีบาบาได้เสนอให้กรมศุลกากรขยายเพดานการจัดเก็บภาษีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่กำหนดให้ ต้องจัดเก็บภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,500 บาท ขึ้นไป นั้น อธิบดีกรมศุลกากร ระบุว่าขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐว่าจะให้กรมศุลกากรดำเนินการดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งกรมศุลกากรพร้อมดำเนินการตามนโยบาย – สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้