พระนครศรีอยุธยา 25 เม.ย.- ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาระบุการหยิบฉวยอิฐจากโบราณสถานมีความผิดตามกฎหมาย โทษทั้งจำทั้งปรับ แม้อิฐนั้นร่วงอยู่แล้ว แต่ถ้างัดแงะให้เกิดความเสียหาย โทษยิ่งหนัก
กรณีสำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้โพสต์ข้อความและภาพถ่ายในเฟซบุ๊กถึงเรื่องราวนักท่องเที่ยวบางคนนำอิฐโบราณจากวัดไชยวัฒนารามและพบเรื่องลี้ลับจนต้องส่งอิฐก้อนดังกล่าว พร้อมดอกไม้ ธูป เทียน และจดหมายขอขมา กลับมาที่สำนักนักงานฯ นั้น
น.ส.สุกัญญา เบาเนิด ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้อิฐก่อนดังกล่าวได้เก็บรักษาไว้ที่สำนักงาน ฯ เพื่อรอตรวจสอบว่าเป็นอิฐมาจากโบราณสถานใด จากเจดีย์หรือวิหารใด แต่คาดว่ามาจากวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งอิฐเก่าตามโบราณสถาน ถือเป็นโบราณวัตถุระดับสามัญ การหยิบฉวยไปก็เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในหมวดที่ 5 กำหนดไว้ชัดเจนว่าหากเป็นอิฐที่หลุดอยู่แล้วหรือหล่นอยู่ตามพื้น ตามความผิดมาตรา 31 ทวิ คือผู้ใดซ่อนเร้น หรือเอาไปเสีย ซึ่งโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
น.ส.สุกัญญา ย้ำด้วยว่า แต่หากเป็นอิฐที่ยังเป็นโครงสร้างของโบราณสถาน และไปงัดแงะออกมาจะผิดตามมาตรา 33 คือผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ หรือทำให้สูญหาย ซึ่งโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย
