เอสซีจีหวังลงทุนภาครัฐดันยอดขายปีนี้โตร้อยละ 5-6

กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – เอสซีจีระบุโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐปรับตัวดีขึ้น เชื่ออีก 6-9 เดือน การก่อสร้างที่อยู่อาศัยจะเกิดขึ้นตามมา ส่วนผลประกอบการไตรมาสแรกปี 61 ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน หวังปีนี้รายได้โตตามเป้าหมายร้อยละ 5-6 


นายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ขณะนี้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐมีความคืบหน้าดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนตลาดบ้านที่อยู่อาศัย วัสดุก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากนี้ 6-9 เดือน ด้านความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคของประชาชนในภาพรวม ซึ่งพิจารณาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์และเคมีคัลของเครือเอสซีจี ประมาณได้ว่าปรับตัวดีขึ้นเช่นกันแบบพอไปได้ ด้านการค้าชายแดนไทยภาพรวมก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน เพราะตลาดประเทศเพื่อนบ้านมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนภาคเอกชนยังไม่เกิดขึ้นมาก แต่หากประเมินจากข่าวความสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือการลงทุนจากต่างประเทศคาดว่าจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ภาครัฐมีความตั้งใจพยายามปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน จึงเชื่อว่าการลงทุนจะทยอยเข้ามาและส่วนใหญ่เป็นการเข้ามาลงทุนของภาคเอกชนต่างประเทศ และเชื่อว่าภาคเอกชนในประเทศก็ติดตามและเห็นทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น

นายรุ่งโรจน์ ยอมรับว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี เพราะส่งออกมากกว่านำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังประมาณการปีนี้ว่ารายได้จะเติบโตร้อยละ 5-6 ตามเป้าหมายเดิม ซึ่งสถานการณ์เงินบาทปัจจุบันส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจส่งออกในภาพรวมของประเทศด้วยเช่นกัน สิ่งที่ผู้ประกอบการจะทำได้และเอสซีจี ดำเนินการอยู่ คือ ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ เช่น ลงทุนโครงการปิโตรเคมี ในเวียดนามปีนี้ลงทุน 20,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างไตรมาส 3-4 จากงบลงทุนภาพรวมปีนี้ 50,000-60,000 ล้านบาท พร้อมปรับปรุงความสามารถการแข่งขันให้ดีขึ้น มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ไม่เพียงสินค้าและบริการเท่านั้น แต่รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยจะช่วยเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นในสินค้าและบริการที่มอบให้กับลูกค้า ซึ่งหวังว่าจะชดเชยการแข็งค่าของเงินบาทได้ มองอีกด้านมีผลกระทบระยะสั้นแน่นอน แต่ระยะยาวไม่อาจประเมินเงินบาทได้ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ส่วนจีดีพีของประเทศยังเชื่อว่าจะโตร้อยละ 3.9-4 ตามที่ภาครัฐประเมินเอาไว้


ส่วนงบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีไตรมาส 1 ปี 2561 มีรายได้จากการขาย 118,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไร 12,406 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 29 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของธุรกิจเคมิคอล ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ประกอบกับปีที่ผ่านมามีกำไรจากการขายเงินลงทุน

สำหรับผลการดำเนินงานของเอสซีจี นอกเหนือจากประเทศไทยไตรมาส 1 ปี 2561เอสซีจีมีรายได้จากการขายในภูมิภาคอาเซียน  27,014 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23 จากยอดขายรวม โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายในภูมิภาคอื่น ๆ 20,075 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 จากยอดขายรวมสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 มีมูลค่า 584,251 ล้านบาท โดยร้อยละ 24 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน ทั้งนี้ แยกเป็นธุรกิจเคมิคอล มีรายได้จากการขาย 52,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 8,135 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 14 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปัจจัยเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมลดลง

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีรายได้จากการขาย 46,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 2,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 138 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาพตลาดที่ดีขึ้นตามฤดูกาล และการขยายตัวของการดำเนินงานในภูมิภาคอาเซียน  และธุรกิจแพคเกจจิ้ง  21,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 1,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากตลาดเติบโตต่อเนื่องและผลจากการซื้อกิจการ ขณะที่ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีที่ผ่านมามีกำไรจากการขายสินทรัพย์


นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งสภาพการแข่งขันที่รุนแรงทั้งในไทยและในภูมิภาค ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และค่าเงินบาทแข็งค่าที่เข้ามากระทบ แต่ผลประกอบการไตรมาส 1  ปี 2561 ยังคงใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมาจากความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าสู่ลูกค้า โดยเร่งผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนานวัตกรรม พร้อมนำเสนอโซลูชั่นครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของลูกค้าทั่วอาเซียน สำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา เช่น การเปิดตัว “แอพพลิเคชัน HOME BUDDY” ที่เป็นช่องทางออนไลน์สำหรับปรึกษาปัญหา ค้นหาช่างหรือวัสดุเพื่อสร้างหรือซ่อมบ้าน ซึ่งเชื่อมต่อกับ SCG Online Store และ Digital Payment Solution เช่น SCG Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกในการซื้อและชำระ ค่าสินค้า หรือ “การนำเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้สำหรับการออกแบบติดตั้งหลังคาให้ลูกค้า” และการเปิดตัว “หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ” โดย SCG Eldercare Solution ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมพร้อมนวัตกรรมอื่น ๆ เกี่ยวกับบ้านได้ใน “งานสถาปนิก’61” วันที่ 1-6 พฤษภาคมนี้ เมืองทองธานี

ส่วนโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่เอสซีจีส่งมอบให้ลูกค้า เช่น “โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ” รายแรกของไทย หรือ “Total Packaging Solutions Provider” ที่ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ การผลิต และการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิล รวมทั้ง “SCG Express” ที่เตรียมขยายจุดบริการรับส่งพัสดุให้ลูกค้า รายย่อยแบบ One-Stop Service ในสถานีบริการน้ำมันกว่า 100 แห่ง โดยตั้งเป้าขยายจุดบริการครอบคลุมทั่วประเทศภายในกลางปีนี้ นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) โดยเน้นร่วมมือกับลูกค้าหรือสถาบันชั้นนำต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งไตรมาสนี้มียอดขาย HVA 45,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม โดยใช้งบประมาณการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 1,206 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ของยอดขายรวม

ส่วนการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนนั้น ล่าสุดถือหุ้นเพิ่มเป็นร้อยละ 50.9 ในบริษัท Binh Minh Plastics Joint Stock Company ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายท่อและข้อต่อ PVC ชั้นนำทางตอนใต้ของเวียดนามและจัดตั้ง Trading Company โดยเข้าถือหุ้นร้อยละ 50 ในบริษัท PT Nusantara Polymer Solutions ในอินโดนีเซีย เพื่อจัดจำหน่ายเม็ดพลาสติกที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้เจริญเติบโตได้ในอาเซียน รวมทั้งจัดตั้ง SCG Roofing Center ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งเป็นศูนย์บริการหลังคา ฝ้า ผนังครบวงจรแห่งแรกในต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดและเปิดโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศเออีซี. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]