เอสซีจีคว้าโอกาสเศรษฐกิจในภูมิภาคเติบโตต่อในปี 68

กรุงเทพฯ 30 ม.ค. – เอสซีจี เผยผลประกอบการปี 2567 บริหารกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) 53,946 ล้านบาท จากการบริหารต้นทุนเข้มข้น ผลักดันนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง ลดเงินทุนหมุนเวียนต่อเนื่อง เน้นลงทุนโครงการผลตอบแทนสูงและเร็ว หนี้ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว มุ่งดูแลผู้ถือหุ้นทุกคนต่อเนื่อง เคาะปันผล 5.00 บาท/หุ้น คิด เป็น 95% ของกำไร มั่นใจสุขภาพองค์กรแข็งแรง คว้าโอกาสเศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้นตัว ในปี 2568


นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า ปี 2567 เอสซีจีสามารถบริหารกระแสเงินสดจากการ ดำเนินงานได้เป็นที่น่าพอใจ อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 เป็นผลจากการปรับตัวสู้ความท้าทายจากวัฏ จักรปิโตรเคมีชะลอตัว สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ต้นทุนพลังงานผันผวน และอัตราดอกเบี้ยสูง ขณะที่ในไทย การเบิกจ่ายงบประมาณ รัฐล่าช้าจากปีก่อน หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง สินค้าจีนเข้ามาแข่งขัน ทำให้เอสซีจีคงความแข็งแกร่ง และสามารถดูแลผู้ถือหุ้นทุก คนให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ปี 2567 คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปัน ผลประจำปี ในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไร

เอสซีจี มุ่งสร้างสุขภาพองค์กรให้แข็งแรง ด้วยการรักษากระแสเงินสด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารธุรกิจ ที่ผ่านมาได้เดินหน้า มาตรการเสริมความเข้มแข็ง ซึ่งได้แถลงไปเมื่อสิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี 1.) บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาท จากปีก่อน 2.) ปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ และหยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรในปี 2567 เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงาน 3.) ควบคุมเงินลงทุน (CAPEX) เน้นเฉพาะโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและเร็ว ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้หนี้สินสุทธิ ลดลง 16,777 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน อัตราหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.7 เท่า สถานะทางการเงินยังมั่นคงและแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นปี 53,331 ล้านบาท


เอสซีจี พร้อมคว้าโอกาสเศรษฐกิจภูมิภาคฟื้นตัว การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐของไทยคาดว่า จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ อาเซียน โดยเฉพาะเศรษฐกิจอินโดนีเซีย เวียดนาม GDP มีแนวโน้มเติบโตกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดยมีแรงสนับสนุนจากกำลังซื้อในประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ ก่อสร้าง เช่น เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล เร่งขยายโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและสินค้าเพื่อที่อยู่อาศัย ‘Mitra 10’ ที่อินโดนีเซีย ตามเป้าหมาย 56 สาขา ในปี 2567 รับลูกค้ารวมมากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน และมุ่งสู่ 100 สาขาภายในปี 2573 ด้าน เอสซีจีพี การ บริโภคภายในกลุ่มอาเซียนรวมถึงความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

เอสซีจี เคมิคอลส์ (เอสซีจีซี) แม้ว่าปี 2567 อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในภูมิภาคมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ ๆ ที่ เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการสินค้าอ่อนตัวจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว บริษัทได้เร่งผลักดันนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) และการ บริหารจัดการกระแสเงินสด ต้นทุน และเงินทุนหมุนเวียนอย่างระมัดระวัง ทำให้ธุรกิจคงความสามารถในการแข่งขันต่อเนื่อง ขณะที่ ปี 2568 วัฏจักรปิโตรเคมีเริ่มทรงตัว ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง บริษัทคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกระแสเงินสด และต้นทุน

ล่าสุด เอสซีจีซี เร่งเดินหน้าโครงการ LSP ด้วยการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทน ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาว โดยได้ทำสัญญาจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทนในระยะยาวเป็นผลสำเร็จ ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี เป็นระยะเวลา 15 ปี และเช่าเหมาเรือขนส่ง ก๊าซอีเทนระยะยาวอีก 3 ลำ ทั้งนี้ บริษัทจะเร่งจัดหาเรือในส่วนที่เหลืออีก 2 ลำ พร้อมทั้งสร้างถังเก็บและปรับปรุงโรงงาน ให้พร้อมรับก๊าซ อีเทนให้ได้ภายในปี 2570 โดยโครงการนี้ใช้แหล่งเงินทุนภายในเอสซีจี


ขณะเดียวกัน เอสซีจี รุกขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย โดย เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ เร่งดันปูนคาร์บอนต่ำ คาดว่าปีนี้จะมียอดส่งออกได้อีกประมาณ 1 ล้านตัน ด้าน เอสซีจี เดคคอร์ ส่งออกกระเบื้อง X- PORCELAIN ความแข็งแรงสูง ได้ผลตอบรับดี ตั้งเป้าการส่งออกเติบโต 2 เท่าในปีนี้ ขณะที่ เอสซีจีพี ส่งออกบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์ บรรจุภัณฑ์อาหาร และกระดาษพิมพ์เขียน มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ดันกลุ่มสินค้าสมาร์ทโซลูชัน อาทิ สินค้า Air Quality และ Solar จากแบรนด์ ONNEX by SCG Smart Living ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทั้งเรื่องคุณภาพอากาศในบ้าน และประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้พลังงานสะอาด พร้อมออก สินค้ากลุ่มราคาย่อมเยาต่อเนื่อง เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่มีงบประมาณจำกัด ครบทั้งกลุ่มหลังคา บอร์ด ไม้สังเคราะห์ และผนัง พื้นตกแต่งภายนอกบ้าน รวมทั้ง เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ ปี 2567 มีโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 548 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 21.5% ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตพลังไฟฟ้าสะอาดรวมประมาณ 3,500 เมกะวัตต์ ในปี 2573

สำหรับผลประกอบการปี 2567 รายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจีซี และเอสซีจีพี กำไรสำหรับปี 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% จากปีก่อน จากผลประกอบการของ LSP และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ลดลง ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากการขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาคและกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรม ของเงินลงทุน เมื่อปี 2566 กำไรสำหรับปี ลดลง 52% จากปีก่อน ขณะที่ ไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้จากการขาย 130,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจีซี ขาดทุนสำหรับงวด 512 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 721 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน จากผลประกอบการและการรับรู้ค่าเสื่อมราคาทั้งหมดของ LSP ขณะที่ไตรมาสก่อน มีรายการเงินสดที่ได้จากสัญญา แลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย หรือ Interest Rate Swap (IRS) มูลค่า 2,183 ล้านบาท จากเอสซีจีซี

ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผล งวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัทตามที่ ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 เมษายน 2568 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับ เงินปันผลในวันที่ 2 เมษายน 2568) โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2568 และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี

เอสซีจีพร้อมขยายสู่ตลาดใหม่ๆ โดยในปี 2568 จะคว้าโอกาสเศรษฐกิจภูมิภาคฟื้นตัว ทำให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง มั่นใจว่า ธุรกิจคงความสามารถในการแข่งขัน.-512-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]