ทำเนียบฯ 18 เม.ย. – รมว.คลังเผยแผนส่งเสริมควบรวมแบงก์ เพื่อแข่งกับแบงก์ต่างชาติ สอดคล้องแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะ 3
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เพื่อให้สถาบันการเงินของไทยแข่งขันกับแบงก์ต่างชาติในอาเซียนได้ จึงต้องการลดภาระต้นทุนในการควบรวมกิจการ เพื่อให้สิทธิประโยชน์จูงใจหลายด้าน จากนี้ไปแล้วแต่สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะเจรจากับพันธมิตร เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลเปิดทางให้ดำเนินการควบรวมกิจการได้สะดวกมากขึ้น ธนาคารทหารไทยพร้อมเจรจากับพันธมิตรเพื่อความเข้มแข็งของแบงก์ให้มากขึ้น ขณะนี้เริ่มหารือกับพันธมิตรบางแห่งบ้างแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามาตรการเพื่อสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทยตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทยจะช่วยให้สินทรัพย์หลังการควบรวมมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะทำให้ธนาคารมีศักยภาพในการแข่งขันกับธนาคารในภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 (ปี 2559 – 2563) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการสนับสนุนการเชื่อมการลงทุนในภูมิภาค เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบการเงินไทยในการสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนและการเชื่อมโยงของประเทศในภูมิภาค
ทั้งนี้ จะมีการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ รวมถึงค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารพาณิชย์ที่ควบรวมกัน หรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กัน เพื่อช่วยธนาคารพาณิชย์ที่จะควบรวมกิจการด้วย โดยมาตรการนี้คาดว่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีสรรพากรประมาณ 600 – 1,400 ล้านบาท แต่จะชดเชยมาด้วยการขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากการลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มอย่างน้อย 3,000-7,000 ล้านบาท และรายที่ได้ควบรวมกิจการระหว่างกัน. –สำนักข่าวไทย