เชียงราย 6 เม.ย.-ปิดฉากประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการแบงก์ชาติอาเซียน เห็นพ้องพัฒนาความเชื่อมโยงระบบการชำระเงินและบริการเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนในอาเซียนอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ Meeting: AFMM) ครั้งที่ 23 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM) ครั้งที่ 5 วานนี้ (5 เม.ย.)ที่ประชุมได้เห็นชอบประเด็นหลักที่เป็นกรอบการดำเนินการที่ไทยเสนอ (Chair’s Priorities) ใน 3 เรื่อง ได้แก่ (1) ความเชื่อมโยง (Connectivity) โดยจะพัฒนาความเชื่อมโยงระบบการชำระเงินและบริการเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนในอาเซียน (2) ความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อส่งเสริมให้ภาคการเงินสามารถตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน และ (3) การสร้างภูมิคุ้มกัน (Resilience) ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาความรู้ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
ที่ประชุม AFMM เห็นชอบร่วมผลักดันให้เชื่อมโยงข้อมูลใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าอาเซียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ATIGA e-Form D) ผ่านระบบ ASEAN Single Window ได้ครบทั้ง 10 ประเทศภายในปีนี้,รับรองความคิดริเริ่มมาตรฐานของหนังสือรับรองการมีถิ่นที่อยู่เพื่อการรัษฎากรที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน (Standardised Certificate of Residence in ASEAN) และรับรองแนวทางการพัฒนาตลาดทุนอย่างยั่งยืน (Roadmap for Sustainable Capital Markets) ของที่ประชุมหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนอาเซียน (ASEAN Capital Markets Forum: ACMF)
สำหรับการประชุม AFMGM ครั้งที่ 5 ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเจรจาเปิดเสรีการค้าบริการทางการเงิน การส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่น การเชื่อมโยงธุรกรรมการชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน การส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน ทั้งในฝั่งตลาดทุนและในภาคการธนาคาร และการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินในอาเซียน นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับรองคู่มือกฎระเบียบการคู่มือกฎระเบียบการประกันภัยการขนส่งทางทะเล ทางอากาศ และสินค้าผ่านแดน (Handbook on ASEAN Insurers offering Cross-Border Marine, Aviation and Goods in Transit Insurance)
สำหรับการหารือกับผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย กองทุนการเงินระหว่างประเทศไทย (IMF) และสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) ในประเด็นด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาในภูมิภาคอาเซียน ทางธนาคารพัฒนาเอเชียคาดว่า ในปี 2562 และ 2563 เศรษฐกิจอาเซียนจะขยายตัวร้อยละ 4.9 และ 5.0 อย่างไรก็ดี องค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ เห็นว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนควรคำนึงถึง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ความตึงเครียดทางการค้าและความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน
ทั้งนี้ ประเทศเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2563 และยินดีจะดำเนินการต่อเนื่องในประเด็นผลักดันของไทยในปีนี้ 2 เรื่องคือ 1) การเชื่อมโยงระบบชำระเงิน (Payment Connectivity) และ 2) การเงินที่ยั่งยืน (Sustainable Finance) . – สำนักข่าวไทย