คลังอาเซียนจับมือรองรับเศรษฐกิจโลกทรุด

กระทรวงการคลัง 13 ต.ค. – รัฐมนตรีคลัง-ผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน จับมือรองรับเศรษฐกิจโลกทรุด หลังไอเอ็มเอฟเป็นห่วงเศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียงร้อยละ 2


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Informal ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ในห้วงการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 2565 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2566 เสนอประเด็นความร่วมมือด้านการเงินการคลังอาเซียนในปี 2566

ประกอบด้วย 1. การส่งเสริมการฟื้นฟู การเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและทางการเงิน และการสร้างภูมิคุ้มกัน 2. ความร่วมมือด้านภาษีระหว่างประเทศ 3.การยกระดับความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน 4.การพัฒนาการเชื่อมโยงการชำระเงินและการส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ 5. การส่งเสริมการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านเพื่อสนับสนุนการเงินที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจสีเขียว โดยที่ประชุมฯ ได้สนับสนุนข้อเสนอประเด็นความร่วมมือดังกล่าว เพราะมีส่วนสำคัญในการฟื้นตัวและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของสมาชิกและภูมิภาคอาเซียน


โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้หารือทวิภาคีกับนาย Ros Seilava รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชา ถึงความร่วมมือในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างไทย-กัมพูชา และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กัมพูชา ภายใต้การดำเนินงานของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ขณะที่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2566 “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง สำหรับหลายคน ปี 2023 จะรู้สึกราวกับเศรษฐกิจถดถอย” IMF คาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจทั่วโลกจะลดลงเหลือร้อยละ 2.7 ในปี 2566 มีความเป็นไปได้ร้อยละ 25 อาจลดลงต่ำกว่าร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับ คาดการณ์เดิมขยายตัวร้อยละ 3.2 ในปีนี้

ขณะที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ติดตามสภาวะตลาดการเงินและสื่อสารกับผู้ร่วมตลาดอย่างเป็นประจำผ่านการประชุมMarket Dialogue เพื่อรับฟังความคิดเห็นของนักลงทุนและนำมาปรับแผนการระดมทุนของรัฐบาลให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ และประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันดูแลสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้และตลาดการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยปรับกลยุทธ์การระดมทุนหลากหลาย(Diversification) เพิ่มเติมจากการออกพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเป็นเครื่องมือหลัก ไปยังเครื่องมือระยะสั้นที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยและด้านการปรับโครงสร้างหนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 สบน. ได้กู้เงินภายใต้ พ.ร.ก. COVID-19 ทั้งสองฉบับแล้วทั้งสิ้น 1.48 ล้านล้านบาท และเบิกจ่ายแล้วกว่า 1.38 ล้านล้านบาท.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว สั่งพื้นที่เร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือ หากงบประมาณไม่เพียงพอให้ขอขยายวงเงินทันที ด้านอาคารที่ถล่มได้ส่งทีม USAR Thailand สลับกำลังเพิ่มเติม

นายกฯ กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความปรารถนาดีชาวไทยมุสลิม

นายกรัฐมนตรี กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความรัก ความปรารถนาดียังชาวไทยมุสลิมทุกคน ชื่นชมศรัทธาที่เข้มแข็ง ความอดทน อดกลั้น ความมุ่งมั่น เสียสละ

เร่งปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคาร สตง.

ปฏิบัติการค้นหาผู้ติดใต้ซากอาคาร สตง. ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาเกือบ 54 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ยังไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่ม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 11 รายแล้ว

สตง.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยผู้ประสบภัยตึกถล่มจากแผ่นดินไหว

สตง. เร่งตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบ จากกรณีอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมยืนยันกระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย