14 เ.ม.ย.-ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ระบุ หน่วยงานความมั่นคงไทยติดตามสถานการณ์และประเมินเหตุการณ์โจมตีในซีเรียอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการจับตาปฏิกิริยาของจีนที่อาจจะส่งผลกระทบในเอเชีย และคาดว่าอีก 1- 2 วัน น่าจะมีท่าทีจากจีน
นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ในซีเรีย หลังสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส เปิดปฏิบัติการร่วมทางทหารโจมตีซีเรีย ว่า กระทรวงกลาโหมติดตามสถานการณ์อยู่ โดยมีรายงานจากผู้ช่วยทูตทหารในประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งในตะวันออกกลาง รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ได้จับสัญญาณในเอเชีย โดยเฉพาะปฏิกิริยาจากจีน เนื่องจากจีนมีความใกล้ชิดกับรัสเซีย เพื่อรอดูท่าทีของจีนว่าจะส่งสัญญาณใดต่อเรื่องนี้ และจากการติดตามพบว่า จีนยังไม่มีท่าทีอะไรมากนัก ขณะที่ทางรัสเซีย ได้มีถ้อยแถลงต่อเรื่องนี้ออกมาแล้ว
ทั้งนี้ หน่วยงานของไทยต้องติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผลกระทบ รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ่นกับคนไทยที่พักอาศัยในประเทศที่มีความขัดแย้ง แต่จากการตรวจสอบแล้วมีผลกระทบน้อยมาก นอกจากนี้ก็ต้องรอดูทางสหประชาชาติว่า จะเรียกประชุมในฐานะที่ไทยเป็นประเทศสมาชิกหรือไม่ และอาจจะมีบทบาทใดบ้างในการเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง และสอบสวนการใช้อาวุธเคมี และท้ายที่สุดต้องติดตามความเคลื่อนไหวในเอเชียเอง โดยเฉพาะจีนที่มีความซับซ้อน เพราะจีนอาจจะมีนโยบายสนับสนุนรัสเซีย แต่ไม่ได้เปิดเผยทั้งหมด และคาดว่าอีก 1-2 วัน จีนน่าจะมีท่าทีออกมา
นายปณิธาน กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลการโจมตีจากชาติตะวันตก ถึงกรณีการใช้อาวุธเคมีนั้น หากข้อเท็จจริงเรื่องนี้มีความชัดเจน ก็เชื่อว่ารัสเซียจะไม่มีท่าทีมากนัก เพราะการใช้อาวุธเคมีในแง่หนึ่งได้ผลรุนแรง แต่ก็จะถูกประณามด้วยเช่นกัน ส่วนโอกาสเกิดสงครามเย็นรอบใหม่นั้น ส่วนตัวมองว่า การเผชิญหน้าจะมีมากขึ้นจริง แต่จะเป็นลักษณะสงครามตัวแทนที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง แต่ยังไม่กระจายมาถึงเอเชีย.-สำนักข่าวไทย