กรุงเทพฯ 4 เม.ย. – กรมส่งเสริมสหกรณ์ใช้อำนาจนายทะเบียนสหกรณ์ ปลดคณะกรรมการสหกรณ์สโมสรรถไฟทั้งคณะ หลังเพิกเฉยไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกรรมการชุดเก่าที่ทำผิดระเบียบปล่อยเงินกู้จนสหกรณ์เสียหายกว่า 2,195 ล้านบาท
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ที่ 2/2561 ลงวันที่ 2 เมษายน 2561 ให้คณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ชุดที่ 12 พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ 9 ราย หลังจากผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 ในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ แจ้งว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวฝ่าฝืนไม่แก้ไขข้อบกพร่องตามที่นายทะเบียนสหกรณ์สั่งการ ตามมาตรา 22 (1) ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2560 ให้ดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายจากคณะกรรมการสหกรณ์ชุดที่ 7-11 และกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดเมื่อวันที่10 มกราคม 2561 แต่เมื่อถึงวันครบกำหนด คณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดที่ 12 ไม่ได้ดำเนินการตามคำสั่งแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดที่ 12 ที่เหลือ 9 คนนั้น เป็นผู้ที่อยู่ในคณะกรรมการสหกรณ์ชุดที่ 7-11 ที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์ด้วย กรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์จึงได้ออกคำสั่งให้ปลดคณะกรรมการชุดดังกล่าวออกและตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เป็นการชั่วคราว 15 ราย เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาให้เสร็จและจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสหกรณ์ชุดใหม่เข้ามาบริหารงานภายใน 180 วัน
ทั้งนี้ ปัญหาเกิดขึ้นระหว่างปี 2555 – 2559 สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟมีการอนุมัติและจ่ายเงินกู้ให้กับสมาชิก 6 ราย รวม 199 สัญญา เป็นจำนวนเงิน 2,285.87 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ่ายเงินกู้เกินกว่าระเบียบของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จึงถือว่ามีการกระทำละเมิดต่อสหกรณ์ฯ ก่อให้เกิดความเสียหายไม่น้อยกว่า 2,195 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของสมาชิกสหกรณ์และกระทบถึงการขาดสภาพคล่องของสหกรณ์ในปัจจุบัน สมาชิกได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถถอนเงินและกู้เงินจากสหกรณ์ได้
การที่คณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดที่ 12 มีเจตนาไม่ดำเนินการตามคำสั่งนายทะเบียน ถือเป็นการกระทำการและงดเว้นการทำการในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง จนเป็นเหตุให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของสหกรณ์และสมาชิก แม้ว่าที่ผ่านมาทางผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 จะเปิดโอกาสให้ทางคณะกรรมการชุดนี้ ได้โต้แย้งแสดงหลักฐาน และได้แจ้งว่าหากไม่ดำเนินการอาจถูกให้พ้นจากตำแหน่ง แต่ก็ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนครบกำหนดและไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ และหากปล่อยไว้อาจทำให้คดีหมดอายุความได้ นายทะเบียนจึงได้ใช้อำนาจร้องทุกข์และฟ้องคดีแทนสหกรณ์ โดยร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรักและส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2561
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า นอกจากการออกคำสั่งนายทะเบียนให้ปลดคณะกรรมการชุดที่ 12 ออกทั้งคณะแล้ว ขณะนี้กรมฯ ยังใช้อำนาจนายทะเบียนสหกรณ์ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับคณะกรรมการฯ ชุดที่ 7 – 11 จำนวน 26 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน สำหรับคดีแพ่งนายทะเบียนสหกรณ์ได้ยื่นฟ้องกลุ่มคณะกรรมการฯ ดังกล่าว เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ในกรณีที่บริหารงานทำให้เกิดความเสียหายในสหกรณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานอัยการ ซึ่งทั้ง 2 กรณีดังกล่าวต้องรอให้ดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งฟื้นฟูกิจการสหกรณ์ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลฐานะทางการเงิน ปรากฏว่า ขณะนี้สหกรณ์ฯ ไม่มีสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ ไม่สามารถปล่อยเงินกู้ให้กับสมาชิก และไม่สามารถคืนเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินได้ กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้ประชุมหารือร่วมกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ คณะกรรมการสหกรณ์และสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้และผู้ฝากเงินแล้ว 2 ครั้ง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของสหกรณ์ อีกส่วนหนึ่ง คือ จะหาแนวทางช่วยเหลือสหกรณ์อีก 15 แห่ง ที่นำเงินมาฝากไว้กับสหกรณ์ โดยการพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์เหล่านี้ ว่าขณะนี้ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด เพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป.-สำนักข่าวไทย