กรุงเทพฯ 23 ก.พ.-กรณีคู่ขนานกับหวยอลเวง 30 ล้านบาท ที่เกี่ยวกับการตรวจสอบตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องในคดี จนมีการออกคำสั่งย้ายเข้ากรุ โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีที่ถูกย้าย เข้ารายงานตัวที่ ศปก.ตร.แล้ว. ขณะที่มีคำสั่งย้ายเพิ่ม 2 นายตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ที่เกี่ยวข้องกับคดีหวยอลเวง 30 ล้าน ได้แก่ หัวหน้าพนักงานสอบสวน และร้อยเวรเจ้าของคดี
มีการเปิดเผยจาก พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรอง ผอ.ศปก.ตร.ฝ่ายกำลังพล ยืนยันว่า พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เข้ารายงานตัวแล้วเมื่อช่วง 17.00 น. โดยได้มอบหมายงานด้านการศึกษาและพัฒนาของ ศปก.ตร.ให้มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตการณ์ส่วนตัวพบว่า พล.ต.ต.สุทธิ ค่อนข้างเครียดตามปกติวิสัยของตำรวจที่ถูกสั่งย้ายให้ช่วยราชการ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากกาญจนบุรี ล่าสุด ได้มีการสั่งย้าย 2 นายตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ที่ถูกตำรวจกองปราบฯ เชิญไปสอบถามข้อมูล ประกอบด้วย พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รองผู้กำกับการสอบสวน และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รองสารวัตรสอบสวน ซึ่งให้ย้ายไปกองบังคับการปราบปรามโดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม สำหรับ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหวยอลเวง 30 ล้าน ส่วน ร.ต.อ.จิรยุทธ์ เป็นร้อยเวรเจ้าของคดีฯ
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยกับ พล.ต.ต.สุทธิ จะดำเนินการหลังพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีหวย 30 ล้าน ก่อนจะชี้ชัดว่ามีใครร่วมกระทำความผิดบ้าง ทั้งพลเรือนและข้าราชการ โดยแยกเป็น 2 กรณี คือความผิดทางอาญา และทางวินัย
สำนักข่าวไทย สรุปภาพรวมสถานะของพยานของ “ครูปรีชา” รวมถึงนายตำรวจในจังหวัดกาญจนบุรีที่เข้าไปทำคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท ก่อนถูกโอนสำนวนมายังกองปราบฯ เบื้องต้นพบว่า พลเรือนกลุ่มผู้ค้าสลากฯ ทั้งเจ๊บ้าบิ่น, เจ๊พัช, เจ๊เกียว รวมถึงเจ๊กุ้ง เจ้าหน้าที่ศาล และผู้เกี่ยวข้อง ได้ถูกเรียกตัวไปสอบปากคำจนครบเมื่อครั้งที่กองปราบฯ ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ส่วนตำรวจในกาญจนบุรี ไล่ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฯ รวมไปถึง 4 นาย ที่ถูกกองปราบฯ เรียกตัวไปสอบปากคำเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ทั้ง พ.ต.ท.ชูวิทย์, ร.ต.อ.จิรยุทธ์, ร.ต.ท.ศิลป และ ด.ต.นุชิต พบว่าจากทั้ง 5 นาย มีการโยกย้ายให้ขาดจากตำแแหน่งเดิมไป 3 นาย ส่วนที่เหลืออีก 2 นาย ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ.-สำนักข่าวไทย