เปิดโครงสร้างตำรวจชั้นประทวน ปัญหาที่ยังรอการปฏิรูป

กรุงเทพฯ 19 ก.พ.-ทุกครั้งที่มีการเผยแพร่ภาพหรือคลิปตำรวจประพฤติตนไม่เหมาะสม ทั้งที่ผิดวินัยหรือไม่ก็ตาม สังคมมักเกิดคำถามขึ้นว่าปัญหาในแวดวงข้าราชการตำรวจเหล่านี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร และคำตอบที่ได้จบที่คำว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างที่การปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นจริง


ย้อนดูอัตรากำลังพลข้าราชการตำรวจ เมื่อปี 2560 พบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร 57,821 นาย ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 161,938 นาย และข้าราชการตำรวจประจำสถานีตำรวจ 1,482 นาย รวมทั้งสิ้น 219,759 นาย


โดยตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 กำหนดระดับเงินเดือนข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ได้แก่ ข้าราชการตำรวจยศ “ดาบตำรวจ” ให้ได้รับเงินเดือนระดับ ป.3 ในอัตราเริ่มต้นที่ 10,350 บาท สิ้นสุดเพดานเงินเดือนที่ 38,750 บาท

ข้าราชการตำรวจยศ “จ่าสิบตำรวจ” “จ่าสิบตำรวจ (พิเศษ)” ให้ได้รับเงินเดือนระดับ ป.2 ในอัตราเริ่มต้นที่ 7,140 บาท สิ้นสุดเพดานเงินเดือนที่ 29,690 บาท ส่วนข้าราชการตำรวจชั้นยศต่ำกว่าจ่าสิบตำรวจ ให้ได้รับเงินเดือนระดับ ป.1 ในอัตรา 4,870-21,480 บาท โดยทั่วไปการเริ่มต้นชีวิตตำรวจชั้นประทวน หลังสำเร็จการฝึกแล้ว ส่วนใหญ่แล้วจะได้รับยศสิบตำรวจตรี โดยจะถูกส่งไปประจำตามหน่วยต่างๆ ด้วยเงินเดือน ป.1 ขั้น 8.5 หรือ 6,970 บาท


แม้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเปิดสอบให้บุคคลภายนอกสามารถเทียบวุฒิเพื่อเข้ารับราชการตำรวจในชั้นประทวนได้ก็ตาม แต่กำลังพลชั้นประทวนก็ยังมีที่ไม่เพียงพอ มีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ ได้แก่ มาตรการลดขนาดกำลังคนภาครัฐและข้าราชการแต่งตั้งใหม่ การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนที่ยังไม่จูงใจ การเปิดสอบเลื่อนชั้นสัญญาบัตร ตามนโยบายส่งเสริมความก้าวหน้าตำรวจชั้นประทวน เป็นต้น

อีกทั้งตามแผนงานอัตรากำลังข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่สามารถมีได้ถึง 232,973 นาย แต่ปัจจุบัน มีตำรวจชั้นประทวนครองตำแหน่งจริงอยู่เพียง 161,938 นาย หมายความว่ามีตำแหน่งว่างอยู่ 71,035 นาย ซึ่งตำรวจชั้นประทวนเหล่านี้ต้องต้องปฏิบัติให้ได้เทียบเท่ากับอัตรากำลังทั้งหมดที่มีได้ ทั้งเป็นผู้ปฏิบัติงานหลักรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน ให้บริการแก่ประชาชน  เป็นภารกิจตรากตรำต่อเนื่องไม่มีวันหยุด ไม่นับรวมภารกิจพิเศษอื่นๆ ทำให้ตำรวจชั้นประทวนอ่อนล้า ตึงเครียด ไม่นับรวมสถิติการฆ่าตัวตายสูงที่สูงขึ้นทุกปี ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว โดยปี 2557 มีตำรวจฆ่าตัวตาย 40 คน ปี 2558 จำนวน 38 คน ปี 2559 จำนวน 35 คน รวม 3 ปี มีตำรวจฆ่าตัวตายถึง 113 คน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน อยู่ระหว่างการศึกษา 3 แนวทาง หนึ่งในนั้น คือ เรื่องการถ่ายโอนภารกิจ การปรับปรุงค่าตอบแทน เส้นทางการเติบโต โดยมีแนวคิดเสนอขึ้นเงินเดือนให้ตำรวจพอเพียงกับการดำรงชีพ ชั้นประทวนควรมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 13,773 บาท ส่วนชั้นสัญญาบัตรควรมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 26,605 บาท ทั้งนี้ ทั้ง 3 แผนปฏิรูปจะถูกส่งให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบราวต้นเดือนเมษายนนี้ หากเห็นชอบก็จะส่งต่อไปยัง สนช.พิจารณาต่อไป

รวมทั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ที่เสนอแผน “ยกเครื่องโรงพัก” เพิ่มประสิทธิภาพสถานีตำรวจ 1,400 แห่งทั่วประเทศ โดยมีแนวคิดแบ่งโรงพักเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ S ให้มีตำรวจ 50-70 นายปฏิบัติงาน, ระดับ M จำนวน 100-120 นาย ปฏิบัติงาน และระดับ L 180-220  นาย ปฏิบัติงานให้เพียงพอเหมาะสมกับท้องที่ รองรับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ให้ได้ รวมทั้งแนวคิด “คู่มือปฏิบัติงานเพื่อประชาชน” กำหนดเวลาในภารกิจชัดเจน เช่น การเปรียบเทียบปรับตามใบสั่ง หรือการรับแจ้งของหายเอกสารหาย ให้ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที

ทั้งหมดนี้ยังเป็นแนวคิดอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ แต่ดูเหมือนว่าปัญหาจากระบบโครงสร้างตำรวจที่สะท้อนออกมาจากผู้ปฏิบัติงานในหลายระดับ ยังคงมืดมนไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์สักที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]