กรุงเทพฯ 16 ก.พ. – กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติยืนยันผู้ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย ไม่มีรายใดใช้ท่อขนาด 20 นิ้ว ที่ถูกพัดเข้าชายฝั่งชายหาดบางเบิด
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและรองโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากที่มีการเผยแพร่ข่าวตามสื่อต่าง ๆ เรื่องการพบท่อยางขนาดใหญ่ 14 ท่อน ความยาวท่อนละ 11 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร หรือ 20 นิ้ว ถูกพัดเข้าชายฝั่งบริเวณชายหาดบางเบิด อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น กรมเชื้อเพลิงฯ ตรวจสอบผู้ประกอบการธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทุกรายในทะเลอ่าวไทย ซึ่งตรวจทั้งแท่นผลิตปิโตรเลียมและเรือกักเก็บน้ำมันดิบและคอนเดนเสทที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม ปัจจุบันมี 12 ลำ พบว่า ไม่มีรายใดใช้ท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 นิ้วดังกล่าว มีเพียงการใช้ท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 นิ้ว 8 นิ้ว และขนาดใหญ่สุด คือ 16 นิ้วเท่านั้น และจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเรื่องการเกิดอุบัติเหตุของเรือกักเก็บน้ำมันดิบและคอนเดนเสทที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียมดังกล่าว พบว่าไม่มีการเกิดอุบัติเหตุท่อขนส่งปิโตรเลียมขาดหรือหลุดในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กรมเชื้อเพลิงฯ ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันที่นำเข้าน้ำมันดิบและคอนเดนเสทจากต่างประเทศมายังโรงกลั่นในประเทศ โดยพบว่าท่อยางที่เรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าวใช้เพื่อจ่ายน้ำมันไปยังโรงกลั่นในประเทศทั้งหมดมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 16 นิ้ว ส่วนขนาดของท่อที่ใช้ในการรับน้ำมันดิบของทุกโรงกลั่นในประเทศมีขนาด 16 นิ้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทางกรมเชื้อเพลิงฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) และสำนักงานพลังงานจังหวัดชุมพร อย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่มาของท่อดังกล่าวต่อไป.-สำนักข่าวไทย