กรุงเทพฯ 21 พ.ค. – ก.พลังงานจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง เตรียมพร้อมรับมือ ด้าน ปตท.สผ.ปรับคาดการณ์น้ำมันดิบดูไบใหม่อาจอยู่ในระดับ 60-80 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ด้านไทยออยล์ชี้กำลังผลิตจากสหรัฐที่สูงขึ้นอาจกดดันทำให้ราคาช่วงครึ่งหลังย่อตัวลง
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นายศิริ จิระพงพษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ได้ให้นโยบายติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง หลังจากขณะนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ประมาณ 72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพื่อจะได้วางแผนรับมือกับสถานการณ์ ซึ่งปัจจัยที่เป็นผลกระทบมาจากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ท่อขนส่งน้ำมันและสถานีส่งออกน้ำมันดิบและเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีใกล้บริเวณช่องแคบเฮอร์มุซ (Hormuz) ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือส่งออกน้ำมันดิบที่สำคัญ โดยปริมาณน้ำมันดิบที่ส่งผ่านช่องแคบนี้คิดเป็นร้อยละ 20 ของปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก ขณะที่ท่าทีของกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณที่จะคงการปรับลดกำลังการผลิตไว้ระดับเดิมจนถึงสิ้นปีนี้ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในการประชุมกลุ่มโอเปกครั้งถัดไปวันที่ 25-26 มิถุนายน 2562 ซึ่งต้องตามดูว่าที่ประชุมโอเปกจะมีมติชัดเจนอย่างไร
“กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวนสูงอย่างใกล้ชิด แต่จากที่สงครามการค้าสหรัฐ-จีนรุนแรงเพิ่มมากขึ้นส่วนนี้จะเป็นส่วนกดดันราคาน้ำมันไม่ให้สูงขึ้น ทั้งนี้ ได้กำชับ บมจ.ปตท.ในฐานะที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันหลักของประเทศให้บริหารความเสี่ยงมากที่สุด เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น”นายสราวุธ กล่าว
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม กล่าวว่า ปตท.สผ.ได้ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันจากเดิมคาดปีนี้อยู่ในช่วง 60-70 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับเพิ่มเป็น 60-80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเกิดหลายเหตุการณ์ของตลาดโลกทำให้ราคาขยับขึ้น หากราคาสูงขึ้นก็มีผลต่อผลดำเนินงานให้ดีขึ้น ส่วนการปรับแผนการลงทุนจะเกิดขึ้นในกลางปีนี้ โดยจะผนวกงบการลงทุนใหม่มาอยู่งบการเงิน ได้แก่ โครงการที่ชนะการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ แหล่งเมอร์ฟีย์ออยล์ของมาเลเซีย และแผนการขยายกำลังผลิตแหล่งซอติก้าในเมียนมา
ด้าน บมจ.ไทยออยล์ ได้รายงานในการจัดพบนักลงทุน (opportunity DAY) โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบครึ่งหลังของปีมีโอกาสย่อตัวลงกว่าวันนี้ คาดราคาจะอยู่ที่ประมาณ 68-70 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะแม้จะเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและสหรัฐคว่ำบาติอิหร่านและเวเนซูเอลาร์ โดยการคว่ำบาตรอาจให้การส่งออกน้ำมันหายไปประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ก็คาดว่าน้ำมันจากกลุ่มนอกโอเปกอาจจะผลิตได้ถึง 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน โดยร้อยละ 80 มาจากสหรัฐอเมริกา จึงจะเห็นได้ว่ากำลังผลิตอาจจะไม่ตึงตัวมากจนกดดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าการกลั่นในช่วงครึ่งหลังก็น่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 1 /2562 ที่ค่าการกลั่นอยู่ที่ประมาณ 3.2 ดอลลาร์/บาร์เรล และขณะนี้ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ 3.7 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยครึ่งหลังน่าจากได้ผลบวก เนื่องจากได้รับผลดีจากมาตรการไอเอ็มโอ หรือองค์การเดินเรือระหว่างประเทศ ที่ประกาศลดการปลดปล่อยกำมะถันสำหรับน้ำมันเดินเรือทะเลลงจากร้อยละ 3.5 เหลือไม่เกินร้อยละ 0.5 ประกอบกับเข้าสู่ฤดูหนาวความต้องการใช้น้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่น จะได้รับผลกระทบจากกำลังผลิตในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการบริหารความเสี่ยงทางไทยออยล์ได้พยายามเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ สูงขึ้น โดยเฉพาะด้านการกลั่น ตั้ง MARGIN IMPROVEMENT ไว้ที่ 1 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือปีนี้ที่ประมาณ 3,400 ล้านบาท โดยไตรมาส 1 สามารถทำได้ถึง 800 ล้านบาทแล้ว.-สำนักข่าวไทย