fbpx

สงกรานต์นี้ไทยจะเปิดประมูลปิโตรเลียมรอบ 23 หลังเว้นว่างมานาน 13 ปี

กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – กรมเชื้อเพลิงฯ ประกาศเดินหน้าต่อลมหายใจพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการประกาศประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบ 23 ช่วงสงกรานต์นี้ หลังเว้นว่างมานาน 13 ปี และหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา โดยใช้โมเดลเจดีเอเป็นต้นแบบ


นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า เดือนกุมภาพันธ์นี้กรมฯ จะเดินหน้าเรื่องการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมตามนโยบายของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ให้เร่งเจรจากับกัมพูชา เพื่อพัฒนาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนระหว่างกัน โดยกรมฯ จะหารือกับกระทรวงต่างประเทศ ว่าควรจะเดินหน้าอย่างไร ขณะเดียวกันเดือนกุมภาพันธ์ก็จะมีความชัดเจนว่าการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมครั้งที่ 23 นี้จะมีการเปิดจำนวนกี่แปลงในอ่าวไทย หลังจากประเทศไทยไม่ได้เปิดสัมปทานรอบใหม่มายาวนาน 13 ปี ซึ่งการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมจะเป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดการจ้างงานได้อย่างต่อเนื่อง

“ทั้งการเปิดประมูลปิโตรเลียมรอบ 23 และการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาจะเป็นการช่วยให้นำทรัพยากรมาพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องช่วยการจ้างงาน พัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมต่อเนื่องนับเป็นการต่อลมหายใจในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากไทยยังไม่ได้มีการพัฒนาปิโตรเลียมแหล่งใหม่มายาวนาน 13 ปี” นายสราวุธ กล่าว


สำหรับการเปิดให้สิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบ 23 ในพื้นที่อ่าวไทย จะเปิดในรูปแบบ ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) ก่อให้เกิดการลงทุนในการสำรวจขั้นต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท  ส่วนพื้นที่บนบกยังไม่ได้ นำมาเปิดประมูลในรอบนี้ เนื่องจากยังติดกฎหมายด้านการใช้ที่ดินของทั้งกฎหมายป่าไม้ กฎหมายของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ที่ระบุว่า ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใด ๆ นอกจากการทำการเกษตรเท่านั้น ทั้งนี้ คาดว่าจะประกาศเชิญชวนให้ประมูลได้ภายในช่วงสงกรานต์เดือนเมษายนนี้ จะคัดเลือกผู้ชนะได้ภายในปลายปี 2563 และลงนามสัญญาได้ภายในต้นปี 2564 ซึ่งจุดเด่นที่จะดึงดูดการร่วมลงทุนประมูล ก็คงเนื่องมาจากเทคโนโลยีใหม่ด้านการสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การขุดเจาะมีโอกาสค้นพบได้มากกว่าเดิมในอดีต 

ส่วนแนวทางการพัฒนาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา 26,000 ตารางกิโลเมตร ทาง รมว.พลังงาน ได้เน้นการสร้างประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ประเทศ และไม่สูญเสียอธิปไตย โดยกรมฯ เห็นว่าน่าจะนำโมเดลการพัฒนาพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ ) มาเป็นต้นแบบในการพัฒนา เพราะไม่ได้แบ่งพื้นที่ แต่เป็นแบ่งประโยชน์จากรายได้ในสัดส่วนเท่ากันฝ่ายครึ่ง ซึ่งโมเดลนี้ได้รับการยกย่องชื่นชมระดับนานาชาติ และจากการพัฒนาร่วมกันมา 15 ปี ไทยและมาเลเซียก็ได้รายได้ประเทศละประมาณ 12,000 ล้านบาท/ปี หรือรวมรายได้แต่ละประเทศแล้วกว่า 180,000 ล้านบาท


ปัจจุบันภาพรวมการจัดหาปิโตรเลียมจากแหล่งในประเทศช่วงปี 2562 มีสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศที่ดำเนินการอยู่ 38 สัมปทาน 48 แปลงสำรวจ แบ่งเป็นแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย 29 แปลง และแปลงสำรวจบนบก 19 แปลง มีการจัดหาปิโตรเลียมในประเทศคิดเป็นร้อยละ 40 ของความต้องการใช้ในประเทศ โดยมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมทั้งก๊าซธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเหลว และน้ำมันดิบ คิดเป็นปริมาณรวมอยู่ที่ 821,060 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน แยกเป็นก๊าซธรรมชาติ 3,411 ล้านลูกกาศก์ฟุต/วัน ,ก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ คอนเดนเสต 110,318 บาร์เรล/วัน และน้ำมันดิบ 125,762 บาร์เรล/วัน  โดย กรมเชื้อเพลิงฯ นับเป็นกรมฯ จัดเก็บสร้างรายได้อันดับที่ 4 ของประเทศ ซึ่งปี 2562 รายได้ของรัฐจากการพัฒนาปิโตรเลียมมีประมาณ 160,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมใหม่ ๆขึ้นมา ปริมาณปิโตรเลียมที่ผลิตจะลดน้อยลง และกระทบต่อฐานการผลิตอุตสาหกรรมของไทยที่ต้องยอมรับว่าในการพัฒนา “มาบตาพุด” นั้น เริ่มมาจากการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติและนำมาสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องจนเข้มแข็งในปัจจุบัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้