เอสซีจีเปิดตัวศูนย์ควบคุมระบบโลจิสติกส์

กรุงเทพฯ 8 ก.พ. – เอสซีจีตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้กว่า 17,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวศูนย์ควบคุมโลจิสติกส์ติดตามแบบ Real Time


นายนิธิ ภัทรโชค รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและจัดจำหน่าย เอสซีจี เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมกว่า 16,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7 ส่วนปีนี้ตั้งเป้าจะมีรายได้รวมกว่า 17,000 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจ โดยเปิดศูนย์ควบคุมระบบโลจิสติกส์ หรือ Logistic Command Center เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามสถานะการขนส่งด้วยเครือข่ายเทคโนโลยีทันสมัยสามารถติดตามสถานะรถขนส่งทุกขั้นตอนได้แบบทันที (Real Time) ตลอด 24 ชั่วโมง สร้างความมั่นใจในการใช้บริการว่าสินค้าจะได้รับการส่งมอบถึงมือผู้รับปลายทางด้วยมาตรฐานส่งที่รวดเร็ว ไม่เสียหาย 

นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับดิจิทัลสตาร์ทอัพยกระดับการบริการที่เชื่อมโยงทุกความต้องการของผู้ประกอบการและเครือข่ายรถบรรทุกของบริษัทที่พร้อมให้บริการกว่า 7,000 คันทั่วประเทศ เข้าด้วยกันผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ช่วยลดต้นทุนต่อเที่ยว ลดการขนส่งเที่ยวเปล่า รวมถึงการขนส่งโดยใช้พาหนะหลายรูปแบบ ทั้งรถบรรทุกและเรือส่งสินค้าช่วยลดระยะทางในการขนส่ง 


สำหรับการบริการขนส่งพัสดุด่วนหรือ SGC Express ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเอสซีจีและยามาโต้ เอเชีย หรือแมวดำ หลังเปิดตัวปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีและเป็นรายแรกรายเดียวในประเทศไทยที่มีนวัตกรรมส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ Cool TA-Q-Bin ยอดการใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่านับจากเปิดตัวบริการในช่วงต้นปี 2560  ปัจจุบัน SGC Express ขยายจุดบริการรวมกว่า 500 สาขา และมีแผนที่จะขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศในช่วงกลางปี 2561 เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ e-commerce รวมทั้งเพิ่มบริการใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น บริการจัดส่งกระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์กีฬาที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ และบริการ Farm to table บริการขนส่งสินค้าการเกษตรออร์แกนิคจากฟาร์ม ส่งตรงไปยังผู้บริโภคในพื้นที่ต่าง ๆ 

นอกจากนี้ เอสซีจี ยังตั้งโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ เพื่อร่วมพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงานด้านการขับรถ รวมทั้งมารยาทในการให้บริการที่มีมาตรฐานและเน้นความปลอดภัย โดยเปิดให้บริการมาแล้ว 12 ปี และมีผู้เข้าอบรมแล้วกว่า 143,000 คน เป็นทั้งบุคคลภายในและภายนอกบริษัท.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง