มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 7 ต.ค.-“พล.อ.เปรม” ระบุในสังคมไทย ระบบอุปถัมภ์เป็นเรื่องที่แก้ยาก แนะหาวิธีทำให้สังคมแยกได้ถึงความเหมาะสมในการอุปถัมภ์ ด้าน “อลงกรณ์” ชมนายกฯ เปิดทางองค์กรอิสระตรวจสอบครอบครัว ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล แจงการทำงานของ ป.ป.ช. เผยมีคดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง กว่าร้อยละ 60 ย้ำในอีก 2 ปีข้างหน้า ป.ป.ช.จะเป็นหน่วยงานที่ปราบคอร์รัปชั่นได้อย่างเป็นรูปธรรม
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงวิชาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ในหัวข้อ “คอร์รัปชั่น หายนะประเทศไทย” โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมการสัมมนา ซึ่งโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่นแห่งประเทศไทยและ 5 สถาบันการศึกษา โดย พล.อ.เปรม กล่าวตอนท้ายในการร่วมสัมมนาฯ ว่า มีหนึ่งเรื่องในสังคมไทยที่ยากต่อการแก้ปัญหา นั่นคือระบบอุปถัมภ์ ซึ่งคิดไม่ออกว่าจะแก้ไขอย่างไร เพราะพื้นฐานสังคมไทยมีความเข้าใจกันว่าคนที่มีบุญคุณต่อกัน ก็ต้องตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นต้องไปหาวิธีทำให้สังคมแยกได้ถึงความเหมาะสมในการอุปถัมภ์
ด้านนายอลงกรณ์ กล่าวว่า การขจัดคอร์รัปชั่นได้หรือไม่ต้องอยู่ที่ใจ การสร้างจิตสำนึก มีค่ามากกว่ากฎหมายทุกฉบับ หลาย 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความพยายามต่อต้านคอร์รัปชั่น จนมีองค์กรอิสระที่มีอำนาจเฉียบขาดพร้อมดำเนินการ แต่ 2 ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการปฏิรูปประเทศที่สำคัญ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้การต่อต้านคอร์รัปชั่นมีความกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะประเทศไทยเปรียบเสมือนเป็นร่างกายที่ต้องต่อสู้กับโรคภัย และ 2 ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ระบบอุปถัมภ์ ถือเป็นปัญหาของประเทศไทย และเป็นจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขด้วยมาตรการที่ไม่ใช่มาตรการทางกฎหมาย แต่เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ขอฝากเตือนสติไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งในแม่น้ำ 5 สายว่าจะต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี หากมีคดีเกี่ยวกับการทุจริตเกิดขึ้น ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่มีสองมาตรฐาน เช่นเดียวกับกรณีนายกรัฐมนตรีที่เปิดโอกาสให้องค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบครอบครัวได้
ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้ คือ อยากเห็นการทำคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต เป็นไปด้วยความรวดเร็ว แต่รัฐบาลที่ผ่านมา มีข้อจำกัดในเรื่องพนักงานสอบสวนการทำคดีทุจริต ทำให้รัฐบาลชุดนี้ได้เพิ่มพนักงานสอบสวนเพิ่มอีก 800 คน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานสอบสวนการทุจริตได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน คดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนมีอยู่จำนวน 2,100 คดี และเป็นคดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง กว่าร้อยละ 60 การทำงานของ ป.ป.ช.ในปัจจุบัน จะให้ ป.ป.ช.ประจำจังหวัด ขับเคลื่อนและลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง สำหรับคดีค้างเก่าจะต้องตัดสินให้เสร็จสิ้นภายใน 3 ปี ส่วนคดีใหม่ จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หากไม่สามารถดำเนินการได้ จะต้องชี้แจงถึงเหตุผลว่าเป็นเพราะเหตุใด เพราะหากจะเอาชนะสงครามทุจริต จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และในอีก 2 ปีข้างหน้า ป.ป.ช.จะเป็นหน่วยงานที่สามารถปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นได้อย่างเป็นรูปธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสัมมนาเชิงวิชาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ภายใต้หัวข้อ “คอร์รัปชั่น หายนะประเทศ” ยังมีผู้เข้าร่วมงาน เช่น ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทธิพล ทวีชัยการ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.).-สำนักข่าวไทย