ศูนย์บริการประชาชน 29ม.ค.-เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา บุกยื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และขอความเป็นธรรมให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทั้ง 17 คน ขู่ปักหลักชุมนุม จนกว่าจะได้รับคำตอบจากรัฐบาล
เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา นำโดย นายมัธยม ชายเต็ม ผู้ประสาน พร้อมเครือข่ายฯ เดินทางยื่นหนังสือผ่านศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและขอความเป็นธรรมให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทั้ง 17 คน
โดยในหนังสือ ระบุว่าขอให้รัฐบาลหยุดดำเนินคดีกับชาวบ้านที่เป็นผู้อาจได้รับผลกระทบจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา หลังเหตุการณ์ปะทะระหว่างการเดินทางเพื่อไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 ช่วงที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรภาคใต้ ที่จังหวัดสงขลา และขอให้ยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพราะที่ตั้งของโรงไฟฟ้าที่จะสร้างในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ปากบาง อ.เทพา จังหวัดสงขลา เป็นชุมชนที่มีชาวบ้านอยู่กว่าร้อยหลังคาเรือน และยังมีมัสยิด วัด โรงเรียนปอเนาะ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับประชาชนที่อยู่รายรอบโรงไฟฟ้าอีกนับพันคน
ทั้งนี้เห็นว่ากระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพไร้ความชอบธรรมตั้งแต่ต้น เพราะเร่งรีบเดินหน้าโครงการอย่างผิดปกติ และรับฟังเฉพาะกลุ่ม จึงทำให้ขาดข้อมูลที่รอบด้าน โดยเฉพาะจุดตั้งโรงไฟฟ้าที่ไม่ใช่พื้นที่รกร้าง แต่เป็นชุมชน และมีชาวบ้านอาศัยอยู่กว่า 150 หลังคาเรือน ซึ่งอาศัยอยู่ติดชายฝั่งทะเลที่มีความสมบูรณ์ของทรัพยากร สิ่งแวดล้อม แหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของคนจังหวัดสงขลาและจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญทางศาสนาที่ต้องถูกย้ายออกจากพื้นที่ เพราะเป็นจุดที่ถูกเลือกตั้งโรงไฟฟ้า ดังนั้นทางกลุ่มฯ ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ยุติโครงการทันที เพราะกระบวนการต่าง ๆ ใกล้จะผ่านการอนุมัติในอีก 2-3 เดือน พร้อมให้ความเป็นธรรมกับ 17 แนวร่วมที่ถูกดำเนินคดี โดยย้ำว่าเป็นการใช้สิทธิ์เพื่อปกป้องชุมชนและทรัพยากรของประเทศ
นายมัธยม ในฐานะผู้ประสานเครือข่ายฯ กล่าวว่า การมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ ไม่มีกำหนดระยะเวลา และพร้อมนั่งชุมนุมปักหลักบริเวณด้านหน้าศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ริมถนนพิษณุโลก ฝั่งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จนกว่าจะได้คำตอบจากนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย

