วอนรัฐดูบาทแข็งห่วงกระทบส่งออกข้าวร่วง

กรุงเทพฯ 11 ม.ค.-ผู้ส่งออกห่วงค่าเงินบาทแข็งค่าไร้ทิศทาง อาจทำให้ปีนี้ไทยส่งออกข้าวได้ไม่ดี ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขอให้ดูให้รอบคอบอย่าปรับสูงเกิน หวั่นกระทบความสามารถในการแข่งขันส่งออกข้าว


นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่ามากขึ้นในขณะนี้ เป็นต้นทุนหลักที่ทำให้การส่งออกข้าวในปีนี้อาจไม่ดีมากนัก และค่าเงินบาทยังมีความผันผวนและคาดคะเนไม่ได้ ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกขาดทุนแม้จะทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่บนแล้วก็ตาม แต่ค่างวดยังแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ส่งออกมีต้นทุนในการทำประกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และประสบภาวะขาดทุน โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น  ทุก 1 บาท จะส่งผลต่อราคาข้าวให้แพงขึ้นประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขณะที่ข้าวหอมมะลิราคาจะแพงกว่าคู่แข่งประมาณ 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

จึงอยากให้ภาครัฐดูแลค่าเงินบาท  เพราะการส่งออกสินค้าเกษตรเกี่ยวข้องกับหลายอุตสาหกรรมและกระทบเป็นวงกว้างซึ่งหากไม่สามารถส่งออกได้ก็จะกระทบต่อเกษตรกรและทำให้การบริโภคภายในประเทศมีปัญหาได้  โดยอยากให้ภาครัฐดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ที่ประมาณ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นต้นทุนที่ผู้ส่งออกยังสามารถปรับได้และยังสามารถแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกข้าวอื่นๆได้ 


นอกจากนี้ กรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น หากอัตราค่าแรงปรับขึ้นไม่สูง ประมาณ 15 บาท ก็จะไม่กระทบต้นทุนการส่งออกข้าวมากนัก แต่หากปรับขึ้นมาเป็น ในอัตรา 100 บาท ขึ้นไป จะมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันส่งออกข้าวของไทยอย่างแน่นอน เพราะในกระบวนการการส่งออกข้าวต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ประกอบกับราคาข้าวของไทยก็สูงกว่าประเทศคู่แข่งอยู่แล้ว โดยราคาข้าวขาวของไทยขณะนี้ อยู่ที่ประมาณ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทิศทางราคาในปีนี้จะเป็นเช่นไร ต้องติดตามปริมาณผลผลิตข้าวนาปีของเวียดนาม ซึ่งจะออกประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ว่าจะมีจำนวนมากน้อยเท่าใด โดยคาดว่าในปีนี้การส่งออกข้าวจะอยู่ที่ประมาณ 9.5 ล้านตัน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สิ่งที่หลายฝ่ายมีความกังวลใจมากสุดขณะนี้ คือ ปัจจัยเสี่ยงการแข็งค่าเงินบาท หากค่าเงินบาทแข็งค่าที่ 32 บาทต่อดอลาร์สหรัฐนานและมีโอกาสแข็งค่าอีกก็จะกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะจะกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจโดยรวมลดลงอย่างน้อยร้อยละ 0.7  และอีกด้านหนึ่ง คือ อัตราค่าจ้างแรงงานที่ยังไม่รู้ว่าจะมีอัตราเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน ซึ่งทั้ง 2 รายการดังกล่าวคงต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทบทวนและดูแลรอบด้านให้ดี ซึ่งทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ยังคงประเมินอัตราการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ที่ร้อยละ 4.2-4.5 ซึ่งยังไม่ได้ปรับประมาณการณ์ แต่จะเฝ้าติดตามทั้งค่าเงินบาทและอัตราค่าจ้างแรงงานอย่างใกล้ชิดกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

เขากระโดง

“อนุทิน” ยัน เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ไม่เคยขัดแย้งปมเขากระโดง

“อนุทิน” ย้ำพรรคร่วมรัฐบาลมีเป้าหมายเหมือนกัน ทำประโยชน์ให้ประชาชน-ประเทศ หลัง “ทักษิณ” ชมพรรคร่วมสามัคคีกันดี ยันเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ไม่เคยขัดแย้งปมเขากระโดง ขอคนไม่อยู่ในวงอย่าคาดคะเน ชี้ไม่มีเหตุผลต้องปกป้องผลประโยชน์ใคร โอดกว่าจะนั่งคุม มท. แทบตาย ไม่ให้ใครมาด่าสาดเสียเทเสีย

สนามบินสุวรรณภูมิ

ยูเนสโก ยกย่อง “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” 1 ใน 6 สนามบินสวยสุดในโลก

“สุริยะ” รมว.คมนาคม ปลื้ม ยูเนสโก ยกย่อง “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ติดอันดับ 1 ใน 6 สนามบินสวยที่สุดในโลก ประจำปี 2567 ด้าน “อาคาร SAT-1” สุดปัง! หลังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสนามบินที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดของโลก โชว์ความโดดเด่นด้านความงาม-ความคิดสร้างสรรค์ ชูอัตลักษณ์ความเป็นไทย จ่อประกาศผล 2 ธ.ค.นี้

รฟท. คัดค้านคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินทับซ้อนเขากระโดง

การรถไฟฯ ลุยยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน คัดค้านคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ที่ดินทับซ้อนเขากระโดง ย้ำปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โปร่งใสและเป็นธรรม