รร.เซ็นทรัลลาดพร้าว 10 ม.ค. – รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจประกาศแผนปี 61 เดินหน้าช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก ปฏิรูปภาคการเกษตร พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กล่าวในงานสัมมนา “พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย สู่ยุคดิจิทัล” จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงนี้ สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เมื่ออาเซียนกลายเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงเงินลงทุนจากต่างชาติ และกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนในเอเชีย ทุกสายตาของนักลงทุนจึงหันมองมายังเอเชียและไทยมากที่สุด ขณะที่จีดีพีของไทยขยายเพิ่มต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ร้อยละ 4.3 และคาดว่าไตรมาส 4 ขยายตัวใกล้เคียงร้อยละ 4.5-5 เฉลี่ยทั้งปีจีดีพีเติบโตมากกว่าร้อยละ 4 เมื่อปัจจัยพื้นฐานทั้งเงินเฟ้อต่ำไม่ถึงร้อยละ 1 ดอกเบี้ยต่ำ หนี้สินต่อจีดีพีร้อยละ 42 แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นสูงสุดในรอบ 35 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม สูงสุดในรอบ 22 เดือน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักลงทุนต่างชาติหันมาลงทุนในประเทศ
ส่วนนโยบายการพัฒนาด้านเศษฐกิจปี 2561 จึงต้องช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก การปฏิรูปภาคเกษตรให้เข้มแข็ง เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงรถไฟทางคู่ การสร้างถนนเชื่อมแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง นำสินค้าชุมชนวางขาย เพื่อให้ชนบทแข็งแรง รวมทั้งต้องเดินหน้าการปฏิรูปการเกษตรอย่างจริงจัง ต้องให้เกษตรมีระดับความเสี่ยงต่ำ เพาะปลูกแบบกลุ่มชุมชน โดยคนรุ่นใหม่มาชักชวน การสร้างลานตาก ยุ้งฉาง ไซโลเก็บสตอกสินค้า พัฒนาค้าขายผ่านออนไลน์ จึงต้องรวบรวมบุคคลมาเป็นแกนนำแนะนำชุมชน เพื่อปลูกพืชแนวใหม่ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หาเมล็ดพันธุ์ กระทรวงพาณิชย์เตรียมตลาดวางแผนระยะยาว ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำลังจัดทำแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
สำหรับมาตรการช่วยเหลือรายย่อยต้องการให้มีอยู่ได้พอสมควร พัฒนาด้านการเกษตรสร้างมูลค่าเพิ่ม ยกระดับอาชีพ รวมกลุ่มเกษตรกร คนไม่อยากทำเกษตรช่วยเหลือผ่านแบงก์รัฐ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน จึงออกเฟส 2 ช่วยเหลือ การเติมเงินให้รายย่อยต้องมาเข้าโปรแกรมผ่านเงื่อนไขที่กำหนด ไม่ใช่รับเงินเพียงอย่างเดียว จะมีหมอลงพื้นที่สอบถามต้องการทำอาชีพเสริม เลี้ยงปลา อาชีพอื่น หากไม่เข้ามาพัฒนาจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มและการเปิดให้เอกชนรับจ้างทำงาน ช่วยฝึกอบรม หักลดหย่อนภาษีได้ และอนาคตต้องการให้เอกชนทำซีเอสอาร์หักลดหย่อนช่วยเหลือได้มากขึ้น เมื่อเริ่มต้นแล้วอนาคตจะเป็นแบบอย่างกับหลายประเทศ
การทำธุรกิจยุคใหม่ของทุกภาคส่วนเริ่มขยับตามเทคโนสมัยใหม่ซื้อขายผ่านออนไลน์ แม้แต่สถาบันการเงินยังต้องปรับบทบาทบริการทางการเงินผ่านแอพพลิเคชั่น QR code จึงต้องการหนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ หากไม่พัฒนาไทยจะกลายเป็นเหมือนแอฟฟริกา การพัฒนาด้าน IOT ( Internet Of Think ) ต้องกระจายไปทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงพาณิชย์ต้องพัฒนาระบบให้รายย่อยสั่งซื้อของจากหลายจังหวัดมาจำหน่ายส่งผ่าน บริษัท ไปรษณีย์ไทย เพื่อต้องการเปลี่ยนโชว์ห่วยให้เป็นเครื่องมือกระจายสินค้าชุมชนและส่งไปยังพื้นที่อื่นเหมือนเป็นจุดกระจายสินค้า โดยมีบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัทด้านไอทีต่างชาติมาช่วยเหลือ เพื่อเปลี่ยนระบบทั้งประเทศด้านไอทีผ่านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ ดังนั้น ต้องพัฒนาตนเอง หากใครอบรมพัฒนาตนเองจะให้นำค่าใช้จ่ายหักลดหย่อนภาษีได้ในการเข้าสู่ยุคดิจิทัล เพื่อพัฒนากำลังแรงงานคุณภาพ
รวมทั้งรัฐบาลต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหลายฉบับรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลที่มีอุปสรรค เพราะการขยับทุกอย่างต้องมีกฎหมายรองรับให้พร้อม จึงจะเดินหน้าปฏิรูปด้านไอทีไปให้ได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจไทย จึงประสานนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ช่วยดูแลแก้ไขด้านกฎหมาย หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเตรียมกฎหมายรองรับให้พร้อม กระทรวงด้านเศรษฐกิจต้องเสนอ ครม.พิจารณาว่ามีแผนงานพัฒนาอย่างไรบ้าง เพื่อให้กระทรวงด้านสังคมพัฒนาด้านเทคโนโลยีตามไปด้วย หากทุกด้านมีความพร้อมทำปีนี้ดีที่สุดจีดีพีจะดีดตามมาหากทุกด้านทำได้ดี เมื่อเครื่องยนต์มีความพร้อมจะรองรับการเลือกตั้งได้อย่างดี.- สำนักข่าวไทย