กรุงเทพฯ 5 ม.ค.- รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจงข้อเท็จจริงคดีทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตเมื่อ12ปีก่อน หลังพ่อร้องศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานีคดีไม่คืบ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่สื่อได้นำเสนอข่าวกรณีสองสามีภรรยาเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม จว.อุดรธานี ว่า ลูกชายถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตเมื่อประมาณ 12 ปีก่อน ปัจจุบันทางคดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด นั้นขอเรียนชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้ กรณีดังกล่าวได้รับรายงานจาก สน.ท่าข้าม ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 14 มี.ค.48 เวลาประมาณ 19.30 น. พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 394/2548 จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนสามารถยื่นคำร้องต่อศาลขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย คือ นายเจษฎา หรือเอ็ม นามบุตร ผู้ต้องหาที่ 1, นายสุรเชษฐ์ ชนูดหอม ผู้ต้องหาที่ 2 และ นายสุเชาว์ สุชาติพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 3 ในข้อหาหรือฐานความผิด “ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ” ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 758/48, 759/48 และ 760/48 ลงวันที่ 31 มี.ค.48
ต่อมาผู้ต้องหาที่ 1 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.53 และผู้ต้องหาที่ 3 ถูกจับกุมตัว เมื่อวันที่ 2 ส.ค.55 จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการเพื่อฟ้องต่อศาล กระทั่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยหรือผู้ต้องหาที่ 1 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี และพิพากษาลงโทษจำเลยหรือผู้ต้องหาที่ 3 จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษ 1 ใน 4 คงเหลือจำคุก 37 ปี 6 เดือน โดยยังเหลือผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 1 ราย ขอยืนยันว่าได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งนี้จะต้องนำตัวผู้ต้องหามาฟ้องลงโทษภายในอายุความ 20 ปี นับตั้งแต่วันที่กระทำความผิด อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดมีเบาะแสเพิ่มเติม สามารถแจ้งให้ข้อมูลได้ที่ ศปก.ตร. โทร. 1599, สน.ท่าข้าม โทร. 02-416-2841
รอง โฆษก ตร. ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกำลัง เข้มงวดกวดขัน จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ อย่างต่อเนื่อง มิได้นิ่งนอนใจกับหมายจับค้างเก่าแต่อย่างใด มีสถิติการจับกุมเพิ่มขึ้นโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา (28 ธ.ค.60- 3 ม.ค.61) ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท และดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้กว่า 20,000 ราย ในห้วงระยะเวลาดังกล่าวด้วย.-สำนักข่าวไทย