กรุงเทพฯ
26 ธ.ค.-ไทยออยล์คาด ราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้า55-60 เหรียญ/บาร์เรล
แต่ปัจจัยเสี่ยงยังอยู่ที่สหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นหรือไม่
บมจ.ไทยออยล์ คาดการณ์ว่า คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบปี
2561จะเคลื่อนไหวในกรอบ 55 – 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
จาก
ราคาปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่
1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 98.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งทั่วโลก
และความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกที่ตัดสินใจขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตรวมกันราว
1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. 61 เป็นสิ้นสุดเดือน
ธ.ค. 61
อย่างไรก็ตาม
การปรับตัวเข้าสู่สมดุลของตลาดน้ำมันดิบยังคงเผชิญกับความเสี่ยง โดยตลาดอาจกลับมาประสบกับภาวะอุปทานล้นตลาดอีกครั้ง
เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องราว
1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (IEA เดือน พ.ย. 60) โดยปริมาณการผลิตจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ
ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 7 แสนบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่
9.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน (EIA เดือน พ.ย. 60)
โดยความกังวลหลักมาจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน
(Shale Oil) ที่เพิ่มขึ้น หลังจากราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เกินจุดคุ้มทุนของราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสำหรับผู้ผลิตในสหรัฐฯ
ราว 50-55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จูงใจให้ผู้ผลิต Shale Oil ในสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบมากขึ้น นอกจากนี้
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากบราซิลและแคนาดาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 4 แสนบาร์เรลต่อวัน
ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบในปี
2560 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยในปี 2559 ที่ 41.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากตลาดเข้าสู่ภาวะขาดดุลในปี
2560 ด้วยแรงสนับสนุนหลักจากความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกที่ร่วมมือลดกำลังผลิต
เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ความต้องการใช้น้ำมันที่แข็งแกร่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งแรงหนุนแก่ตลาด
โดยอุปสงค์น้ำมันโลกขยายตัวกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 97.7
ล้านบาร์เรลต่อวัน (สำนักงานพลังงานสากล
– IEA เดือน พ.ย. 60)
จากแรงขับเคลื่อนของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงหนุนจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่จูงใจให้ผู้บริโภคใช้น้ำมันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม
ความพยายามของกลุ่มผู้ผลิตนำโดยกลุ่มโอเปก ที่จะปรับลดปริมาณการผลิต
และผลักดันตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุลจะยากขึ้น นับเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของกลุ่มโอเปกหรือ
“OPEC’s
Dilemma”
เมื่อราคาน้ำมันดิบที่เริ่มฟื้นตัวจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาลงทุนขุดเจาะและผลิตน้ำมันอีกครั้ง
ซึ่งเห็นได้จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
จากระดับต่ำสุดที่ 316 แท่น ในเดือน พ.ค. 59 สู่ระดับ 751 แท่น (ณ วันที่ 8 ธ.ค.60) ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ
ปรับเพิ่มขึ้น 5 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้าสู่ระดับ 9.3
ล้านบาร์เรลต่อวัน (สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ – EIA เดือน พ.ย. 60) -สำนักข่าวไทย