กรุงเทพฯ 25 ธ.ค. – กลุ่มน้ำมันและค้าปลีก ปตท.ทุ่มลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท/ปี ทั้งในและต่างประเทศ เน้น NON-OIL มากขึ้น ปรับปั๊มเป็นส่งเสริมการมีส่วนร่วมชุมชน กระตุ้นยอดขายดีเซล ด้วยการสร้างปั๊มเพื่อรถบรรทุกและโรงแรมในปั๊มเกิดแน่นอน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ. ปตท. กล่าวว่า การที่คณะกรรมการ ปตท.เห็นชอบให้ตั้งงบประมาณปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท เพื่อโอนกิจการน้ำมันให้ PTTOR หรือบริษัท ปตท. ธุรกิจค้าปลีก 1.596 แสนล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อม หากดำเนินการเรื่องการแยกที่ในขณะนี้ดูเรื่องกฎหมายต่าง ๆ ให้พร้อมที่สุด โดยตั้งเป้าแยกปี 2561 และกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปี 2562 ซึ่งจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันรักษาความมั่นคงทางพลังงาน ขยายการลงทุนเพื่อการเติบโตของธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เพื่อนำแบรนด์ ปตท. และพันธมิตรของธุรกิจค้าปลีก ไปสร้างชื่อเสียงและรายได้ในต่างประเทศ
โดยในงบ 5 ปี ( 2561-2565) ธุรกิจน้ำมันและการค้าระหว่างประเทศ ตั้งงบไว้ 12,258 ล้านบาท โดยงบส่วนใหญ่อยู่ในปี 2561 ที่ 12,169 ล้านบาท และงบอีก 4 ปีที่ยังไม่ชัดเจนก็อยู่ในงบสำรองที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าแต่ละปีจะมีงบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท
สำหรับแผนดังกล่าวปี 2565 จะมีปั๊มน้ำมันในประเทศเพิ่มจากปัจจุบัน 1,640 แห่ง เป็น 1,800 แห่งปี 2561 และปี 2565 เพิ่มเป็น 2,565 แห่ง แบ่งเป็นปั๊มขนาดปกติ 2,200 แห่ง และปั๊มขนาดเหล็กในถนนสายรอง หรือ COMPACT MODEL 340 แห่ง จะมี truck station หรือสถานีที่เน้นบริการรถบรรทุก 20 แห่ง คาเฟ่อเมซอนจะเพิ่มจาก 2,000 แห่ง เป็น 4,000 แห่ง โดยปีหน้าจะมีประมาณ 2,300 แห่ง
ปตท.จะขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ NON-OIL ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนกำไรขั้นต้น จากกว่าร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 30 ในปี 2565 โดยจะมีมาสเตอร์ แเฟรนไชส์ใหม่ เข้ามาจากขณะนี้มี 3-4 แบรนด์จะเพิ่มเป็น 12 แบรนด์ รวมทั้งจะเริ่มสร้าง BUDGET HOTEL ในปี 2561 เบื้องต้น 5 แห่ง และทั้ง 5 ปี จะมี 50 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนให้เหลือ 1 ราย จากที่เสนอมา 3 รายได้ในเร็วนี้
ขณะเดียวกันจะเร่งแผนขยายธุรกิจต่างประเทศ จากขณะนี้มีปั๊มน้ำมัน 225 แห่ง ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 295 และ 601 แห่งในปี 2565 คาเฟ่อเมซอนขณะนี้มี 141 แห่ง จะเพิ่มเป็น 208 แห่งปีหน้า และในปี 2565 จะเพิ่มเป็น 697 แห่ง เพิ่มสาขาจาก 5 ประเทศ เป็น 14 ประเทศ ส่วนน้ำมันหล่อลื่นที่เพิ่งตั้งบริษัทที่จีนก็คาดว่าจะช่วยให้ยอดขายเติบโตมากขึ้น คาด 5 ปีข้างหน้ายอดรวมจะเพิ่มจาก 200 ล้านลิตร เป็น 400 ล้านลิตร
“การที่จะจัดตั้ง TRUCK STATION เพราะวิเคราะห์แล้วว่ายอดขายดีเซลค่อนข้างเอื่อย ๆ ยอดที่โตมาจากกลุ่มเบนซิน จึงเห็นว่าควรให้มีปั๊มที่เน้นรถบรรทุกมากขึ้นด้วย ส่วนการขยาย NON-OIL ก็มาจากจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้ เพราะหากดูย้อนหลังกลับไปการเติบโตการใช้น้ำมันอยู่ที่ร้อยละ 2-3 ต่อปี แต่ยอดธุรกิจ NON-OIL โตประมาณร้อยละ 6 โดยเฉพาะคาเฟ่อเมซอนโตร้อยละ 15 ส่วนปีหน้าคาดกว่ายอดขายน้ำมันจะโตประมาณร้อยละ 2-3 และ ปตท.จะรักษาฐานส่วนแบ่งการตลาดที่ร้อยละ 41” นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวว่า รูปแบบปั๊มน้ำมันจะพยายามต่อยอดให้แข็งแกร่งเป็นศูนย์รวมของชุมชน ให้มีส่วนร่วมมากขึ้นแล้ว แต่ที่ตั้งปั๊มนั้นอยู่ในพื้นที่ใด โดยรูปแบบนี้ คือ living community เป็นการปรับจาก life station ที่เป็นปั๊มที่มีสินค้าครบวงจรแก่ผู้บริโภค รูปแบบใหม่จะเป็นการเกื้อหนุนสังคม ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการบ้างแล้ว เช่น การเป็นที่จำหน่ายสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน เป็นต้น. – สำนักข่าวไทย