รัฐสภา 19 ธ.ค.-มีชัยกลุ้มใจหลังสนช.เพิ่มอำนาจให้ป.ป.ช.ดักฟังโทรศัพท์ เจาะอีเมล์ แชท ชี้ละเมิดสิทธิ์ ระวังเป็นดาบสองคม หากอำนาจตกไปอยู่ในคนไม่ดี
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพิ่มอำนาจให้ป.ป.ช.สามารถดักฟังโทรศัพท์ เจาะอีเมล์ แชทไลน์ รวมถึงไปรษณีย์ของผู้ที่ต้องสงสัยว่าทุจริตได้ว่า ฟังแล้วรู้สึกกลุ้มใจ แม้จะเข้าใจว่าคนทำงานอยากมีอำนาจ แต่หากมีมาก จะกลายเป็น “ดาบสองคม” และเป็นอันตรายได้
“กรธ.จึงได้พยายามทักท้วงและคัดค้านว่าอย่าให้คนทำงานมีอำนาจมากจนเกินไป ขอให้ใช้ความรู้ความสามารถในการทำงานตรวจสอบบ้าง เพราะหากอำนาจนี้ไปอยู่ในมือของคนไม่ดี เกรงว่าจะเป็นอันตราย และหากเขียนเรื่องนี้โดยไม่ระมัดระวัง หรือวางกลไกที่ไม่ดีพอ อาจจะขัดกับกฎหมายและถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่น อย่าคิดว่าการมีอำนาจจะสนุกดี เพราะอำนาจที่เขียนไว้ในกฎหมาย มันจะอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวคน ที่อีกไม่นานก็ไป เราจึงเห็นว่าไม่ควรจะบรรจุเรื่องนี้ไว้ แต่ถ้าสนช.จะเอาก็แล้วแต่ บางทีผลร้ายจะกระทบกับสนช.เองในวันข้างหน้า” ประธานกรธ. กล่าว
นายมีชัย กล่าวถึงการเคลื่อนไหวให้แก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า หากพบอุปสรรคก็สามารถทำได้ แม้ว่ากฎหมายจะยังไม่ใช้เลยก็ตาม โดยเฉพาะเจตนารมณ์ของการเขียนมาตรา 140 และมาตรา 141 เรื่องการจ่ายเงินทุนประเดิมและค่าสมาชิกพรรค ที่ กรธ.มองเห็นเงื่อนไขที่สมาชิกพรรคสามารถทำได้ แต่หากเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปและจำเป็นต้องแก้ไขก็สามารถเสนอแก้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลักการของผู้เสนอว่าจะทำอย่างไร เช่นเดียวกับข้อเสนอให้งดเว้นการใช้ระบบไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งช่วงแรก ที่หากเสนอหรือขอยกเว้นด้วยเหตุผลสามารถทำได้ ส่วนจะแก้ไขตามข้อเสนอหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวโทษการทำงานของกรธ. ที่นำมาสู่การแก้ไขกฎหมายในระยะเวลาอันสั้น ประธานกรธ. กล่าวว่า กรธ.สามารถชี้แจงได้ พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีการประกาศมาตรา 44 เพื่อแก้ไขกฎหมายลูกพรรคการเมือง เพราะเป็นเรื่องของคสช. และฝ่ายความมั่นคง ที่ไม่ได้มีเหตุผลเรื่องความยากแต่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับสถานการณ์บ้านเมือง.-สำนักข่าวไทย
