สำนักงานกสม. 14 ธ.ค.-กสม.สรุปสถานการณ์สิทธิ์ปี60 พบละเมิดสิทธิ์ทุกด้าน เสรีภาพแสดงความเห็นถูกยังถูกจำกัด สิทธิในกระบวนการยุติธรรมเจ้าหน้าที่รัฐละเมิด วิทิตระบุยูเอ็นฝากการบ้านไทยแก้ปัญหาสิทธิสตรี การบังคับใช้กฎหมายมั่นคง การจำกัดสิทธิชุมนุม
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) จัดงานเนื่องในวันสิทธิมนุษยชนสากล 10 ธันวาคม ประจำปี 2560 นายวิทิต มันตาภรณ์ อดีตผู้รายงานพิเศษและผู้เชี่ยวชาญอิสระของสหประชาชาติในเรื่องสิทธิมนุษยชนได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ร่วมสร้างสังคมไทยให้เคารพสิทธิมนุษยชน” ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันไทยลงนามเป็นภาคีอนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ 7 ฉบับ จากทั้งหมด 9 ฉบับ ในจำนวนนี้มี 2 อนุสัญญาที่ไทยได้ร่วมประชุมด้วยเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา คือ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ กรรมการของสหประชาชาติได้ฝากการบ้านไว้ให้กรรมการไทยหลายเรื่อง โดยมีความเป็นห่วงเรื่องการใช้ความรุนแรงกับสตรี และต่อไปประเทศไทยจะต้องเก็บข้อมูลในเรื่อง 1.การขลิบอวัยวะเพศของสตรี 2.การบังคับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีแต่งงาน 3.การมีสามี-ภรรยาหลายคนว่ามีเกิดขึ้นในประเทศไทยหรือไม่ และมีสถานการณ์เป็นอย่างไร รวมทั้งห่วงสตรีใน 3 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่สูญเสียผู้นำครอบครัวในเหตุความไม่สงบ และไม่เห็นด้วยกับการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากการบังคับเก็บ
“ส่วนเรื่องสิทธิทางการเมือง กรรมการสหประชาชาติได้ขอให้ไทยประเมินเรื่องการใช้กฎหมายความมั่นคงใหม่ โดยเฉพาะการกักตัวผู้ถูกกล่าวหาโดยไม่ต้องขึ้นศาล โดย พ.ร.ก.การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกักได้ 30 ชั่วโมง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก 7 วัน โดยเขายินดีว่าตั้งแต่กันยายน 2559 คดีพลเรือนที่ขึ้นศาลทหารของไทยไปขึ้นศาลพลเรือน และเห็นว่าจะต้องมีการอุทธรณ์ซึ่งต้องอุทธรณ์ต่อศาลพลเรือน ส่วนเรื่องการแสดงออกและการรวมกลุ่มเพื่อแสดงความคิดเห็นซึ่งเห็นว่าต้องเป็นตามหลักสากล ถ้าจะจำกัดสิทธิต้องจำกัดเท่าที่จำเป็นและมีสัดส่วน ไม่ใช่มีการชุมนุมเล็กน้อยก็ห้าม และถ้าหากจะดำเนินการต้องมีข้อพิสูจน์ว่ามีฐานกฎหมายรองรับอยู่ข้างหลัง รวมทั้งอยากให้การบังคับใช้มาตรา112 และมาตรา116 เป็นไปด้วยความระมัดระวัง เปิดพื้นที่ให้แสดงออกมากขึ้น เพิ่มความเชื่อมโยงการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนมากขึ้น เขาเชียร์ให้ประเทศไทยกลับไปสู่การนำพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งตามที่ได้ระบุว่าจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า โดยท่าทีของนานาชาติต่อประเทศไทยมีความยืดหยุ่น เพราะเขาเชื่อว่าเราจะกลับไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบในเร็ว ๆ นี้” นายวิทิตกล่าว
จากนั้นได้มีการสรุปสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของไทยปี 2560 ที่น่าสนใจเรื่องพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กสม.ได้รับการร้องเรียนเรื่องการทรมานและการบังคับสูญหายตั้งแต่ปี 50-59 จำนวน 102 คำร้อง ส่วนใหญ่เป็นในพื้นที่ภาคใต้ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นปัญหาโครงสร้างจากข้อจำกัดทางกฎหมาย การดำเนินการกับผู้ต้องสงสัยคดีบังคับสูญหาย ส่วนการละเมิดสิทธิในกระบวรการยุติธรรมได้รับคำร้อง 125 เรื่อง จาก 387 คำร้องอ้างว่าเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดครอบคลุมกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตั้งแต่การจับกุม ควบคุมตัว แจ้งข้อกล่าวหา คุมขัง การพิจาณาคดี การลงโทษ และการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ขณะที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพวิชาการ สื่อมวลชน การชุมชุมนุมพบว่ายังถูกจำกัด ตรวจสอบ ควบคุมอย่างเข้มงวดโดยกฎหมาย อาทิ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 คำสั่ง คสช.ที่3 /2558 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558
ส่วนสิทธิมนุษยชนของบุคคล 7 กลุ่ม คือ เด็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ คนพิการ กลุ่มวิถีและอัตลักษณ์ทางเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนไร้รัฐไร้สัญชาติ และกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ยังพบสถานการณ์บุคคลดังกล่าวถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและถูกละเมิดซ้ำซ้อน ด้วยเหตุแห่งการมีสถานะต่างๆ ที่เหลื่อมทับซ้อนกัน เนื่องมาจากข้อจำกัดทางกฎหมาย เด็กถูกล่วงละเมิดและแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ทำร้ายร่างกายถูกชักจูงให้เข้าสู่ขบวนการยาเสพติด กลุ่มวิถีและอัตลักษณ์ทางเพศพบมีการกระทำการรุนแรงต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ สื่อมวลชนมีการผลิตซ้ำภาพต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศที่มีลักษณะเหมารวม
สำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้าด้านการปกป้องและปราบปรามการค้ามนุษย์ยังมีการนำผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แสวงหาผลประโยชน์ ทั้งบังคับใช้แรงงาน ขายบริการทางเพศ บังคับเป็นขอทาน เหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้พบว่าสตรีที่สูญเสียผู้นำในความไม่สงบยังคงได้รับผลกระทบทางตรงทางอ้อม รัฐยังไม่มีมาตรการเยียวยาที่เหมาะสม ด้านสิทธิชุมชน ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่าการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ของรัฐ ทั้งการจัดการพลังงานเหมืองแร่ ทรัพยากรธรรมชาติที่ดิน ป่าไม้ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษยังไม่เป็นไปตามหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ยังมีการคุกคาม ข่มขู่ การบังคับให้สูญหายมีการใช้กฎหมายฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อให้ระงับการเผยแพร่ความคิดและการเข้าไปส่วนร่วมกับประชาชน.-สำนักข่าวไทย