รพ.พระนั่งเกล้า 13 พ.ย.- หมอยอร์น ยอมรับ ชนรปภ.จริง ย้ำไม่เจตนา ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง สารภาพไม่คิดว่าชนคน เข้าใจชนประตู ปัดแจงเมาแล้วขับ ขอให้เป็นเรื่องทางคดี ขณะที่อาการรปภ.เคราะห์ร้าย ยังไม่พ้นวิกฤต ต้องประเมินอาการแบบวันต่อวัน หลังผ่าตัดเปิดกะโหลกระบายเลือดแล้ว
นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 ผู้ต้องหาในคดีขับรถยนต์ ชน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ หน้าประตู 2 สถาบันบำราศนราดูร ได้เดินทางมาเยี่ยมนายสมชาย ยามดี เจ้าหน้าที่ รปภ. อายุ 22 ปี ภายในหอผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินทายใจศัลยกรรม รพ.พระนั่งเกล้า โดยระบุว่า เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งใจ ยอมรับผิด และเจรจากับญาติผู้ป่วย เพื่อชดเชย และขอเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบทั้งหมด สำหรับ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ตนขับรถเข้ามากระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้เส้นทางลัดซอยอัคคีกลับบ้าน หนีรถติดในถนนด้านหน้า ตอนเข้ามาถึงในประตู 2 ถนน มืดมาก เห็นรถด้านหน้าพุ่งผ่านไปแล้ว ก็จึงขับรถเข้าไป ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าชนคน เข้าใจว่าชนกับประตู. และถุงลมนิรภัยก็ทำงาน มารู้ตัวอีกทีก็มีคนมาบอกว่า ชนคน จึงได้หยุด
นพ.ยอร์น กล่าวปฏิเสธ ตอบข้อซักถาม ว่าเมาแล้วขับหรือไม่ ขอปล่อยให้เป็นเรื่องทางคดีความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่คงยืนยันไม่มีเจตนา และไม่ได้ชนแล้วหนี. หลังเกิดเหตุตนได้ลงไปดูให้ความช่วยเหลือ เพียงแต่ไม่ได้ปฐมพยาบาลเอง แต่มีกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่งรพ. ส่วนตัวก็เดินทางไปที่สถานีตำรวจ.
นพ.สกล สุขพรหม รองผอ.รพ. พระนั่งเกล้า กล่าวว่า ทางรพ.ได้รับตัวคนไข้รายนี้มาจากกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากมีบาดแผลทางศีรษะ จึงได้มอบให้ประสาทศัลยแพทย์ ดูแล ทำการผ่าตัด เนื่องจากพบ ว่า มีภาวะสมองบวม และเลือดออก โดยเปิดกะโหลก และนำเลือดที่คลั่งในสมองออก และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ผู้ป่วยขณะนี้มีการตอบสนองดีขึ้น แต่ยังถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤต ยังต้องมีการประเมินอาการแบบวันต่อวัน หากสามารถหายใจได้เองจึงจะออกจากห้องผู้ป่วยวิกฤตได้ ส่วนการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า เนื่องจากมีบาดแผลพอสมควรนั้น เรื่องนี้ยังต้องรออาการทางสมองดีขึ้นก่อนจึงจะสามารถทำได้
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เรื่องขอความผิดในระบบราชการ จะมีหรือไม่ ต้องรอให้ผลทางคดีสิ้นสุด. ทั้งนี้ เตรียมปรับเพิ่มไฟส้่องสว่างบริเวณประตูทางเข้าออกของกระทรวงสาธารณสุขให้มาก เพื่อลดอุบัติเหตุ.-สำนักข่าวไทย