กรุงเทพฯ 14 ต.ค. – กลุ่มทิสโก้ เผย เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ กดดันสินเชื่อขยายตัวต่ำกว่าเป้า รอการลงทุนภาครัฐและเอกชนช่วยหนุนสินเชื่อโต
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจแม้จะดีขึ้นหากเทียบกับต้นปีที่ผ่านมา แต่ในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ของหลายส่วนยังไม่ดี จากเดิมที่คาดว่าเอ็นพีแอลจะสูงสุดในช่วงไตรมาส 1-2 ปีนี้ เลื่อนออกไปเป็นไตรมาส 3-4 ปีนี้ ทำให้การเติบโตของธนาคารพาณิชย์ยังต้องระมัดระวัง รักษาคุณภาพสินเชื่อ ทำให้การประมาณการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยคาดภาพรวมสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้ ขยายตัวร้อยละ 10 ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ขยายตัวร้อยละ 15 เป็นไปตามเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่แรง การแข่งขันในธุรกิจธนาคารที่ยังรุนแรง และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าบางส่วนที่มีปัญหา จากปัญหากนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ซึ่งธนาคารจะยังรักษาคุณภาพหนี้ โดยคาดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้จะทรงตัวที่ร้อยละ 2.3
ส่วนกรณีที่พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศการกำหนดเวลาเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2561 นั้น ทำให้เกิดความความเชื่อมั่นทางการเมืองว่าโรดแม๊ปจะชัดเจนในปลายปี 2561 ถึงต้นปี 2562 ซึ่งจะเป็นผลดีเศรษฐกิจไทยในช่วง 12 เดือนข้างหน้ามีทิศทางดีขึ้น สะท้อนจากการที่ดัชนีหุ้นไทย ที่ปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 1,700 จุด
” เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเชื่อว่าแนวโน้มระยะต่อไปจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยยังคงรอการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งคาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ให้ดีกว่าในช่วง3-4ปีที่ผ่านมา” นายสุทัศน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มทิสโก้มีการรับโอนธุรกิจรายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) หรือ SCBT เสร็จสมบูรณ์ ทั้งในส่วนของเงินฝาก สินเชื่อ บริการธนบดีธนกิจและธุรกิจนายหน้าประกันภัย โดยสามารถรับโอนย้ายพอร์ตรายย่อยเข้ามาด้วยมูลค่าสินเชื่อประมาณ 36,000 ล้านบาท และเงินฝากประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ทิสโก้สามารถต่อยอดธุรกิจและเพิ่มช่องทางการบริการให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2560 มีกำไรสุทธิจำนวน 1,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 322 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 25.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 มีกำไรสุทธิ 4,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 856 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 23.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน – สำนักข่าวไทย