กรุงเทพฯ 2 ส.ค. – “ไพบูลย์” ชมทีมไทยแลนด์เจรจาการค้าสหรัฐ ด้านบทวิเคราะห์ทิสโก้ประเมิน กนง.เดือน ส.ค.ยังไม่ลดดอกเบี้ย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ทีมเจรจาการค้าของไทยไม่ทำให้ผิดหวัง ชื่นชมและยินดีกับรองนายกฯ พิชัย และทีมไทยแลนด์ ที่เจรจาต่อรองกับสหรัฐ จนไทยได้อัตราภาษีเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะต่ำกว่าคู่แข่งหลักอย่างเวียดนาม นอกจากจะช่วยให้ส่งออกไทยได้เปรียบเล็กน้อย ยังช่วยให้บริษัทข้ามชาติที่กำลังลังเลว่าจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกดีหรือไม่ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น พร้อมฝากเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังให้สำเร็จ รวมทั้งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จ และวางรากฐานการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวให้เป็นรูปธรรม
ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.ทิสโก้ มองว่าการปิดดีลที่อัตราภาษี 19% ถือว่าเป็นผลลัพท์ที่น่าพอใจ และเชื่อว่าผู้ประกอบการไทยนั้นจะยังสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในภูมิภาคได้ เนื่องจากอัตราภาษีอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอดูในรายละเอียดของความตกลงในรายสินค้าและผลกระทบทีแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรมต่อไป
ทั้งนี้ อัตราภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ที่คิดกับสินค้าไทย ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ยังไม่มีนโยบายภาษีของทรัมป์ซึ่งไทยถูกเรียกกเก็บโดยเฉลี่ยเพียงราว 2% เท่านั้น และเพิ่มขึ้นเป็นอัตรา 10% หลังสหรัฐผ่อนผันผันการจัดเก็บภาษีตอบโต้ออกไป และในท้ายที่สุดบรรลุข้อตกลงที่ 19% จะเห็นได้ว่าอัตราภาษีที่รู้สึกว่า 19% คือข่าวดีนั้น ปรับเพิ่มขึ้นมาเกือบ 10 เท่า จากเดิมที่ผู้ประกอบการไทยแทบไม่เสียภาษีเลย ดังนั้นจะส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออกในระยะต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
เบื้องต้น อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐที่ 19% ถือว่าใกล้เคียงกับสมมติฐานของเราในกรณีดี (Best case) ที่ประเมินไว้ที่ 20% ดังนั้น ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่อาจขยายตัวได้สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 1.6% ปีนี้ และ 1.4% ปีหน้า เป็น 1.9% และ 1.6% ตามลำดับ โดยยังคงต้องติดตามภาวะการเมืองในประเทศ
และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดต่อไป
ด้านมุมมองเกี่ยวกับนโยบายการเงินของไทยในระยะข้างหน้า จากอัตราภาษีที่เจรจาต่อรองลงมาได้เหลือ 19% ซึ่งใกล้เคียงกับสมมติฐานของ ธปท.ในการประเมินฉากทัศน์ของเศรษฐกิจไทยในกรณีฐาน และด้วยที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วกว่า 0.75% ส่งผลให้พื้นที่ในการดำเนินนโยบายการเงิน (Policy space) มีจำกัดมากขึ้น ประเมินว่าโอกาสที่ กนง. จะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม วันที่ 13 ส.ค. มีน้ำหนักมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีแนวโน้มที่จะลดลงไปอยู่ที่ 1.25% ในช่วงปลายปีจากอัตราปัจจุบัน1.75% โดยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจขยับออกไปเป็น 2 ครั้งการประชุมสุดท้ายของปีในเดือน ต.ค. และ ธ.ค. ที่นายวิทัย รัตนากร จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. – 511 สำนักข่าวไทย