สำนักงาน กกต. 9 ต.ค.- “สมชัย” ระบุ “เจริญศักดิ์ โรจนฤทธิ์พิเชษฐ์” กรรมการสรรหา กกต. ขาดคุณสมบัติ เพราะพ้นจากตำแหน่งข้าราชการการเมืองไม่เกิน 10 ปี
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ได้ตรวจสอบรายชื่อคณะกรรมการสรรหา กกต.ที่มีการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา และเห็นว่าตัวแทนองค์กรอิสระที่ส่งคนเข้ามาเป็นกรรมการสรรหามีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติ พบว่า นายเจริญศักดิ์ โรจนฤทธิ์พิเชษฐ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญแต่งตั้งมา มีชื่อเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 5 /2550 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2550 ที่มีนายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้นเป็นประธาน ดังนั้นเมื่อนับระยะเวลาจนถึงปัจจุบัน ถือว่ายังพ้นจากตำแหน่งข้าราชการการเมืองมาไม่เกิน 10 ปี ตามที่มาตรา 11 (4) ประกอบมาตรา 10 (18) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.กำหนด เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นกรรมการสรรหา ซึ่งนายเจริญศักดิ์ ก็อาจจะยังไม่รู้ตัวว่า ขาดคุณสมบัตินี้ และศาลรัฐธรรมนูญก็อาจจะไม่ทราบเช่นกัน
นายสมชัย กล่าวว่า ตนพบว่า พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.ได้เขียนคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นกรรมการสรรหา กกต. เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนด โดยในรัฐธรรมนูญ มาตรา 217 ได้เขียนให้ยึดตามมาตรา 203 (4) และ 204 205 และ 206 มาใช้โดยอนุโลม ซึ่งเป็นเรื่องของคุณสมบัติทั่วไป และลักษณะต้องห้าม แต่ในมาตรา 11 (4) ของ พ.ร.ป. ว่าด้วย กกต. กลับเพิ่มเติมโดยนำคุณสมบัติตามมาตรา 232 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นกรรมการองค์กรอิสระ เช่น ต้องเป็นศาสตราจารย์มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี เป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานรัฐ ไม่ต่ำว่าอธิบดี หรือผู้บริหารรัฐวิสาหกิจมาไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งตนเรียกว่า “สเปคมหาเทพ” มาบัญญัติไว้เป็นสเปคของกรรมการสรรหา กกต. ในมาตรา 8 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.
นายสมชัย กล่าวว่า แม้หลายฝ่ายจะมองว่าการเพิ่มมาตราดังกล่าวจะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่การเขียนเกินรัฐธรรมนูญดังกล่าวของ กรธ.ก็มีผลทำให้การหาบุคคลมาเป็นกรรมการสรรหาทำได้ยาก ซึ่งจะเห็นได้ในการสรรหาครั้งนี้ ที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้เสนอชื่อนายธีรภัทร สันติเมทนีดล ซึ่งเคยเป็นรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องถูกตีกลับ เพราะไม่ได้เทียบเท่าอธิบดี จึงต้องพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 8 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. ซึ่งก็ทราบว่าทาง กสม.จะมีการประชุมเพื่อเลือกบุคคลที่จะเป็นตัวแทนไปทำหน้าที่กรรมการสรรหาในวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) แต่ตนคิดว่าไม่น่าจะเสนอชื่อไปเป็นกรรมการสรรหาได้แล้ว เพราะพ้นกรอบเวลาเสนอชื่อที่กำหนดไว้ 20 วัน
นายสมชัย ยังห่วงกรณีของนายไพโรจน์ กัมพูสิริ ที่ได้รับการเสนอเสนอชื่อจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าจะเคยปฎิบัติหน้าที่ในศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระอื่นๆหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังตรวจสอบไม่พบ ที่ตนออกมาทักท้วงก่อน ไม่ใช่ต้องการให้กระบวนการสรรหาหยุดชะงัก เพราะทราบดีว่ากฎหมายกำหนดว่า หากไม่สามารถหากรรมการสรรหาได้ครบ ก็ให้กรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่เป็นกรรมการสรรหา แต่ตนอยากให้ทุกอย่างเป็นไปโดยถูกต้อง เพราะถ้าเลือกผู้ที่จะมาเป็น กกต.ได้แล้ว แล้วมีการทักท้วงว่ากระบวนการไม่ถูกต้องก็จะทำให้ การสรรหาต้องเสียเปล่าไป
ด้านนางภิรมย์ ศรีประเสิรฐ์ เลขาธิการสำนักงาน กสม. กล่าวว่า ทาง กสม.จะประชุมเพื่อพิจารณาเสนอชื่อบุคคลไปทำหน้าที่กรรมการสรรหา กกต. แทนนายธีรภัทร ตามที่สำนักเลขาธิการวุฒิสภาแจ้งมา ว่าให้คัดเลือกบุคคลไปแทนผู้ที่ขาดคุณสมบัติ แต่ทั้งนี้ก็คงจะต้องเสนอให้ที่ประชุม กสม.พิจารณาก่อนว่า จะยังสามารถส่งชื่อได้หรือไม่ เพราะสำนักงานได้รับหนังสือแจ้ง ให้สรรหาบุคคลวันที่ 15 กันยายน ซึ่งครบกรอบ 20 วันเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งเลยเวลาไปแล้ว แต่หากจะส่งกลับไปใหม่จะถือว่าเกินระยะเวลาหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย