สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน 4 ต.ค.- “สมชัย” ยื่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีเซตซีโร ใน พ.ร.ป.กกต.ขัด รธน.หรือไม่ ชี้ขัดหลักนิติธรรม นิติประเพณี เจตนารมณ์ และสิทธิเสรีภาพบุคคล ย้ำต้องการสร้างมาตรฐาน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว จึงไม่เรียกร้องให้ชะลอการสรรหา กกต.
เมื่อเวลา 13.30 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษ์เกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้วินิจฉัยและเสนอเรื่องพร้อมความเห็น ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 230 วรรค 1 (2) ประกอบมาตรา 231 วรรค 1 ว่ามาตรา 70 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. ที่กำหนดให้ประธาน กกต.และกกต.ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนที่ พ.ร.ป.กกต.ใช้บังคับ พ้นจากตำแหน่ง นับแต่วันที่ พ.ร.ป.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 273 หรือไม่
เนื่องจากเห็นว่า พ.ร.ป.กกต.ที่มีผลบังคับใช้เป็นกฏหมาย มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญขัดกับหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญทั้ง 3 มาตรา ในเรื่องความเป็นอิสระ ความเป็นกลาง การบังคับใช้ทั่วไป ความเป็นเหตุผล ความเป็นธรรม ซึ่งตามหลักกฎหมายปกติกฎหมายจะไม่มีผลย้อนหลังเป็นผลร้าย อีกทั้งยังมีปัญหาความโปร่งใสในกระบวนการทางกฎหมาย หลักความเสมอภาคและสิทธิเสรีภาพของบุคคล ตามมาตรา 4 มาตรา 26 และมาตรา 27 และขัดกับหลักนิติประเพณีในการออกกฎหมายเพราะการลงมติในวาระสาม ขัดกับหลักการที่ลงมติในวาระแรก ซึ่งไม่ปรากฏถ้อยคำตามมาตรา 70 และยังขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่มีการบันทึกในขณะร่างรัฐธรรมนูญว่า ให้กรรมการที่มีคุณสมบัติครบสามารถดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไปจนครบวาระด้วย โดยได้นำเอกสารกว่า 200 หน้า มอบให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาประกอบการวินิจฉัยด้วย
นายสมชัย กล่าวว่า การขอให้วินิจฉัยในกรณีนี้ไม่ได้ทำเพราะยึดถือประโยชน์ส่วนตน หรือต้องการยับยั้งกระบวนการสรรหา กกต.ตาม พ.ร.ป.กกต. ที่กำลังดำเนินอยู่ให้ต้องหยุดชะงัก หรือใช้สิทธิคุ้มครองให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการสรรหา โดยต้องการให้การสรรหาดำเนินการต่อไป ส่วนผลจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต แต่ที่ยื่นคำร้องก็เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตและเพื่อไม่ให้เกิดมาตรฐานในการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ๆ เพราะขณะนี้ยังมีร่าง พ.ร.ป.ของผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระบางองค์กรอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สนช.หรือคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพราะการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กรอิสระควรเป็นลักษณะเดียวกัน
“ที่ผ่านมามีความแตกต่างสองประเภท คือ มีการเซตซีโร กสม.และ กกต.แต่คุ้มครองให้ผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ และอาจมีความแตกต่างในร่างกฎหมายอื่นอีก ทำให้มีมาตรฐานต่างกันขาดความเป็นเหตุผล ขัดหลักนิติธรรม จึงต้องยื่นเรื่องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะแม้ว่า สนช.จะเป็นองค์กรที่มีอำนาจออกกฎหมาย แต่ต้องออกกฎหมายภายใต้หลักนิติธรรม และยึดหลักเสมอภาคด้วย ทั้งนี้หากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญผ่านการพิจารณาของ สนช.แล้ว ก็จะมีอีกช่องทางหนึ่งที่จะสามารถยื่นคำร้องโดยตรงไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้” นายสมชัย กล่าว
ด้านนายรักษ์เกชา กล่าวว่า จะนำเรื่องรายงานต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ในวันอังคารที่ 10 ตุลาคม เพื่อพิจารณาว่าคำร้องอยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับไว้พิจารณาได้หรือไม่ จากนั้นจึงพิจารณาว่าร่าง พ.ร.ป.กกต.มีเนื้อหาขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญตามที่นายสมชัย ยื่นคำร้องหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณาวินิจฉัย หากมีความเห็นต่างก็ต้องแจ้งให้นายสมชัยรับทราบ และไม่คิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีแรงกดดันในการพิจารณาเรื่องนี้ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ผู้ตรวจการแผ่นดินที่คุ้มครองผู้ตรวจการแผ่นดินให้อยู่ครบวาระไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะการพิจารณาคำร้องจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย