อดีต ผอ.ไทยพีบีเอสพ่าย ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดีขอเพิกถอนคำสั่งเลิกจ้าง

ศาลปกครอง 25 ก.ย.-อดีต ผอ.ไทยพีบีเอส “สมชัย สุวรรณบรรณ” พ่าย ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดีขอเพิกถอนคำสั่งเลิกจ้าง ระบุ ทำผิดสัญญาอนุมัติจัดซื้ออุปกรณ์ โครงการโทรทัศน์ดิจิทอล วงเงินเกินกว่า 50 ล้านทั้งที่ คกก.นโยบายยังไม่อนุญาต – ไม่รายงานแสดงผลการปฏิบัติงานเป็นรูปเล่มทุก 3 เดือน 


ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องในคดีที่นายสมชัย สุวรรณบรรณ อดีตผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส  และพวกรวม 6 คนซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร ส.ส.ท. ยื่นฟ้อง ส.ส.ท.คณะกรรมการนโยบายส.ส.ท.  ประธานคณะกรรมการนโยบายส.ส.ท.  เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3  ต่อศาลปกครองกลางกรณีขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะกรรมการนโยบายส.ส.ท. ที่บอกเลิกสัญญา และเลิกจ้าง นายสมชัย สุวรรณบรรณ กับพวกทั้ง 6 คนและให้ชดใช้ค่าเสียหายรวม  12,046,740.69   บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่ 9 ต.ค. 58 ที่มีหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาจ้าง

ศาลให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังได้ว่า คณะกรรมการนโยบายส.ส.ท. ได้มีมติให้นายสมชัย ในฐานะผอ.ส.ส.ท. ในขณะนั้นมีอำนาจอนุมัติจัดหาอุปกรณ์โครงการโทรทัศน์ดิจิทอล ที่มีวงเงินเกินกว่า 50 ล้านบาทตามที่นายสมชัย สุวรรณบรรณ กับพวก กล่าวอ้าง การที่นายสมชัย กับพวกได้อนุมัติจัดหาอุปกรณ์โครงการโทรทัศน์ดิจิทอลที่มีวงเงินเกินกว่า 50 ล้านบาทต่อครั้งโดยไม่ได้รับความเห็นชอบและไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายส.ส.ท.จริง จึงเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อข้อ 12 วรรคหนึ่ง วรรคสอง ของระเบียบองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ  2553 และระเบียบองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการเงิน การงบประมาณ และการบัญชี  2551 ข้อ 44  


อีกทั้งการที่นายสมชัย ในฐานะผอ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย  มิได้จัดทำรายงานแสดงผลการปฏิบัติงานเสนอต่อคณะกรรมการ นโยบายส.ส.ท. ทุก 3 เดือน ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาว่าจ้าง จึงเป็นกรณีที่นายสมชัย กระทำผิดเงื่อนไขสัญญาจ้าง ข้อ 13.3 แม้ว่า นายสมชัย กับพวกจะอ้างว่า น.ส.มาลี บุญศิริพันธ์ ประธานส.ส.ท. ในขณะนั้น อนุญาตให้นายสมชัยเสนอรายงานการปฏิบัติงานในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายส.ส.ท.ทุกคราวที่มีการประชุม โดยไม่ต้องจัดทำรูปเล่มรายงานทุก 3 เดือน แต่เมื่อยังไม่มีการแก้ไขสัญญาว่าจ้างใหม่นายสมชัยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อสัญญาอย่างเคร่งครัด   ซึ่งการกระทำของนายสมชัยทั้งสองกรณี เป็นเงื่อนไขที่ในสัญญาจ้างกำหนดให้เป็นเหตุที่ส.ส.ท.  สามารถใช้บอกเลิกสัญญาจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทน ดังนั้นที่ส.ส.ท.บอกเลิกสัญญาจ้างจึงเป็นไปโดยชอบตามสัญญา และชอบด้วยมาตรา 10 พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย  2551 แล้ว 

นอกจากนี้มาตรา 29 วรรคสี่ พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 บัญญัติให้กรรมการบริหารอื่นพ้นจากตำแหน่งเมื่อผอ.ส.ส.ท. พ้นจาตำแหน่ง ดังนั้นเมื่อนายสมชัยพ้นจากตำแหน่งผอ.ส.ส.ท. ผู้ฟ้องคดีที่ 2-6 ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารไปโดยผลของกฎหมายมาตราดังกล่าว  ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่ามีบทบัญญัติหรือกฎ ระเบียบใด ๆ ว่าให้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทน ดังนั้นการที่ส.ส.ท.ไม่ได้จ่ายค่าเสียหาย หรือค่าสินไหมทดแทนให้จึงชอบแล้ว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว