พม.12 ก.ย.-รมว.พัฒนาสังคมฯ กำชับเจ้าหน้าที่ เร่งช่วยเหลือหญิงชราวัย 84 ปี ป่วยเป็นโรคเชื้อรากินกระดูกและพิการตาบอด ที่ จ.กาญจนบุรี และชื่นชมเด็กชายวัย 10 ขวบ สู้ชีวิตรับจ้างทำงานช่วยเหลือครอบครัว และแม่ที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง ที่ จ.เพชรบูรณ์
นายณรงค์ คงคำ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) วันนี้ (12 ก.ย.) ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม.เป็นประธานการประชุม ได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี(พมจ.กาญจนบุรี) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความช่วยเหลือ หญิงชราวัย 84 ปี ป่วยเป็นโรคเชื้อรากินกระดูก พิการตาบอดและมีร่างกายผอมซูบ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อาศัยเพียงลำพังในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรม อาศัยเพื่อนบ้านแวะเวียนมาดูแลเป็นครั้งคราว ซึ่งหญิงชราดังกล่าวไม่มีบัตรประชาชน จึงไม่ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาล และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
เบื้องต้นได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นและดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะเข้าไปดูแลผู้ป่วยเป็นระยะ รวมทั้งดูแลเรื่องการปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยให้มั่นคง แข็งแรง ถูกสุขลักษณะ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และให้การช่วยเหลือในเรื่องสวัสดิการสังคมตามความเหมาะสม และร่วมกันหาแนวทางการช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป
นอกจากนี้ รมว.พม.ยังกล่าวชื่นชมกรณีเด็กชายวัย 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งครอบครัวมีฐานะยากจน แต่สู้ชีวิต รับจ้างไปซื้อของ และนำขนมไปขายที่โรงเรียนเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัวและดูแลแม่วัย 33 ปีที่พิการตาบอดทั้ง 2ข้าง ซึ่งอาศัยอยู่กันเพียงลำพังในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรมใกล้ผุพัง มีเพียงเบี้ยคนพิการใช้ประทังชีวิต ที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเป็นผู้ที่มีความขยันหมั่นเพียร กตัญญู มีความตั้งใจช่วยเหลือครอบครัว โดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กและเยาวชน
พร้อมกำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ (พมจ.เพชรบูรณ์) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และประเมินทางสังคมของครอบครัวดังกล่าว เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านเด็ก และคนพิการของกระทรวง และมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น และอุปกรณ์การศึกษา และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการการศึกษาของเด็กชายดังกล่าวในระยะยาว พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลของผู้เป็นแม่ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องสวัสดิการสังคม เพื่อขอรับสิทธิตามกฎหมายตามความเหมาะสม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวต่อไป.- สำนักข่าวไทย