กทม. 10 ก.ย. -นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในวันที่ 27ก.ย. ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า ในวันดังกล่าวนั้นไม่ว่าตัวจำเลยจะเดินทางไปฟังคำพิพากษาหรือไม่ ศาลฎีกาฯ ก็จะต้องอ่านคำพิพากษา ส่วนเรื่องหลักทรัพย์ที่ยื่นประกันตัวจำนวน 30 ล้านบาทตั้งแต่แรก ศาลสั่งปรับเต็มตามจำนวนไปตั้งเเต่วันที่ 25 ส.ค. ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาฟังคำพิพากษาแล้ว ถึงเเม้วันที่ 27 ก.ย.จำเลยจะมาฟังคำพิพากษาหรือไม่นั้นตรงนี้ไม่เกี่ยวกัน เพียงเเต่ว่าถ้ามีเหตุจำเป็นเเล้วได้มาเเสดงตัวในภายหลังก็สามารถร้องต่อศาลขอลดค่าปรับคืนได้บ้าง เเต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
นายนรวิชญ์กล่าวว่า จนถึงขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่มีการติดต่อหรือฝากข้อความใดๆเกี่ยวกับเรื่องการไปรับฟังคำพิพากษาลับหลังในวันที่ 27 ก.ย.แต่แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่ได้สั่งการอะไรลงมาก็เป็นหน้าที่ของทนายความที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว
“ในวันอ่านคำพิพากษา27 ก.ย. หากนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้เดินทางมารับฟังถ้าจะยื่นอุทธรณ์ตามกฎหมายกำหนดไว้ 30 วัน หากจะยื่นอุทธรณ์ต้องมีตัวจำเลย มาปรากฎต่อหน้าศาลจึงจะสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ส่วนหากศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง หากอัยการโจทก์ประสงค์อุทธรณ์กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ตัวโจทก์ต้องปรากฎต่อหน้าศาลก็ได้แต่ถ้ามีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ เล้วอัยการโจทก์ยังประสงค์ยื่นอุทธรณ์ ทนายความย่อมสามารถเเก้อุทธรณ์ได้เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ระบุว่า ตัวจำเลยต้องปรากกฎต่อหน้าศาลหากเเก้อุทธรณ์ และหากศาลยกฟ้องโจทก์ เเต่อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ถือว่าอยู่ในอำนาจศาลต่อไป ถ้าอัยการโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ถือว่าคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เเต่ถ้าศาลยกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เเละไม่ได้มีคำสั่งให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ก็ถือว่าปล่อยขาด ตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาศาลก็ไม่สามารถควบคุมตัวได้ ไม่ต้องรายงานตัวหรือยื่นประกันใหม่”นายนรวิชญ์ กล่าว
นายนรวิชญ์ กล่าวว่าส่วนใหญ่ถ้ายกฟ้องศาลจะพิพากษาอยู่ 2 เเนวคือยกฟ้องขาดเลย หรือยกฟ้องเเต่ให้ขังระหว่างอุทธรณ์ เเต่ถ้าให้ขังระหว่างอุทธรณ์เเล้วโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อในกำหนด 30 วันตามกฎหมายก็ปล่อยขาดเหมือนกัน ส่วนถึงศาลจะยกฟ้องหลักทรัพย์ประกันตัวก็จะไม่ได้คืนเพราะถือเป็นคนละเรื่องกัน เเต่จะให้โอกาสจำเลยร้องขอลดค่าปรับได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำกันมา.-สำนักข่าวไทย.