เร่งหาพยานเอาผิดเจ้าของสุนัข

9  ก.ย. – เรื่องราวของนักศึกษาแพทย์ ที่ได้ว่าจ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง ให้นำสุนัขพันธุ์ปอม ส่งปลายทาง จังหวัดนครราชสีมา และสุนัขตาย นักศึกษาแพทย์คนนี้จึงเรียกร้องเงินค่าประกันกับบริษัทรถขนส่ง  แต่เมื่อได้นำสุนัขไปผ่าพิสูจน์ กลับพบว่ามีเม็ดยาจำนวนมากตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารของสุนัข เรื่องจึงแดงขึ้นมาว่าสุนัขน่าจะถูกวางยา


สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ สุตธรรม เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพชร จังหวัดนครราชสีมา ผู้ผ่าพิสูจน์สุนัขดังกล่าวเปิดเผยว่า เม็ดยาที่พบตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร เป็นเม็ดยาสีขาว ไม่ทราบชนิด 10 กว่าเม็ด และเป็นเม็ดยาลดความดัน 3 ถึง 4 เม็ด แต่เมื่อสอบถามกับนักศึกษาแพทย์เจ้าของสุนัข กลับบอกว่าเป็นวิตามิน ที่ป้อนให้สุนัขกินก่อนเดินทาง ตนจึงลงความเห็นสาเหตุการตายของน้องหมาในเอกสาร ระบุว่าตายจากได้รับยาเกินขนาด ทำให้เกิดภาวะความดันลดลงเฉียบพลัน สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ กล่าวว่านักศึกษาแพทย์กำลังพยายามจะหาข้อมูลโต้แย้ง ว่ายาในกระเพาะน้องหมา เป็นยาวิตามินจริง และเตรียมจะแถลงข่าวในวันอังคารนื้ ซึ่งตนได้นำเม็ดยาที่พบทั้งหมดส่งให้ตำรวจแล้ว 

ด้านนายพจวีร์ สมใจ ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา เห็นว่ากรณีนี้อาจจะเข้าข่าย พ.ร.บ. ทารุณกรรมสัตว์ จึงนำเรื่องเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ ให้ดำเนินการตามกฎหมายบนฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์แล้ว


ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง กล่าวว่าจากนี้ จะส่งเม็ดยาไปตรวจพิสูจน์  พร้อมสืบสวนข้อเท็จจริง โดยจะเรียกสัตวแพทย์ผู้ผ่าซากสุนัข พนักงานขับรถบริษัทขนส่งสัตว์ รวมถึงตัวนักศึกษาแพทย์มาสอบปากคำ ว่าผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

ขณะที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร เปิดเผยความคืบหน้าคดีนี้ ว่ากำลังเร่งหาพยานเชื่อมโยง เพื่อจะดำเนินคดีกับนักศึกษาแพทย์คนนี้ ซึ่งพบว่านักศึกษาแพทย์คนดัวกล่าว ได้ให้บริษัทขนส่งมารับสุนัขย่านลาดพร้าว 18 เพื่อส่งไปจังหวัดนครราชสีมา แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าภาพถูกลบไป จึงเตรียมนำพยานบุคคล พนักงานบริษัทขนส่งที่ไปรับสุนัขมาให้ปากคำกับตำรวจ เพราะพยานอ้างว่าเห็นเหตุการณ์ ขณะที่สุนัขถูกป้อนยา โดยนักศึกษาแพทย์ จากนั้นก็จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานประสาน ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง เจ้าของพื้นที่ต่อไป ส่วนข้อหาปลอมแปลงเอกสารใบชันสูตร และฉ้อโกง ต้องรอให้บริษัทขนส่งและสัตวแพทย์ผู้ชันสูตรในฐานะผู้เสียหาย  เข้าแจ้งความ ล่าสุดตำรวจสุทธิสาร ยังพบพิรุจของนักศึกษาแพทย์ผู้นี้ ที่ไปเช้าโรงแรมรายวัน เมื่อ 5 กันยายนที่ผ่านมา ในพื้นที่ สน.บางซื่อ ด้วย

นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า เรื่องนี้มหาวิทยาลัยรับทราบแล้ว และนายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณะบดีแพทยศาสตร์ จะเชิญผู้ปกครองและนักศึกษาแพทย์คนนี้ มาสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันจันทร์นี้  ตนเห็นว่าผลการสืบสวนยังไม่ออกมา จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับนักศึกษาด้วย ส่วนการลงโทษของมหาวิทยาลัย มีตั้งแต่พักการเรียน ให้พ้นสภาพการเป็นนึกศึกษา รวมถึงการลงโทษตามกฏหมายบ้านเมือง 


ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา สัตวแพทย์หญิงภัทรนันท์ สัจจารมย์  ตัวแทนกลุ่มวอชดอก เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สุทธิสารให้ดำเนนินคดีอาญา ข้อหาทารุณกรรมสัตว์ กับนักศึกษาแพทย์คนนี้  ขณะที่ได้มีตัวแทนจากบริษัทจันทร์สว่างขนส่ง ซึ่งเป็นบริษัทรับขนส่งสุนัข 1 ตัวให้กับนักศึกษาแพทย์คนดังกล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เข้าแจ้งความข้อหาพยายามฉ้อโกง กับนักศึกษาแพทย์คนนี้ด้วย  โดยตัวแทนบริษัทจันทร์สว่างขนส่ง ระบุว่านักศึกษาแพทย์ให้นำสุนัขจากโรงแรมย่านลาดพร้าว 18 ไปส่งที่จังหวัดนครราชสีมา และต่อมาเจ้าของสุนัขติดต่อมาว่าสุนัขมีอาการป่วยหนัก ถูกนำไปรักษาในโรงพยาบาลสัตว์และเสียชีวิต แต่บริษัทปฏิเสธ เนื่องจากสุนัขไม่ได้เสียชีวิตจากการขนส่ง ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการประกันภัย จนกระทั่งมีกระแสข่าวนี้ออกมา ซึ่งพบว่า ผู้ว่าจ้างขนส่งสุนัขเป็นคนๆเดียวกัน พฤติการณ์คล้ายกัน จึงเข้าให้ข้อมูลกับกุมวอชดอก 

สัตวแพทย์หญิงภัทรนันท์ ชี้นักศึกษาแพทย์คนนี้ มีพฤติกรรมวางยาสุนัขตัวเอง หวังเอาเงินประกันภัยจากบริษัทขนส่ง โดยพบเจตนาชัดเจน และยังพบว่านักศึกษาคนดังกล่าวมีความพยายามให้โรงพยาบาลสัตว์ ออกใบรับรองการตายว่าไม่ทราบสาเหตุ จนโรงพยาบาลต้องไปลงบันทึกเป็นหลักฐาน ที่สถานีตำรวจ  ขณะที่เจ้าของฟาร์ม ต้นทางการซื้อขาย ออกมาระบุว่านักศึกษามาซื้อสุนัขราคา 7,500 บาท แต่กลับให้เขียนในใบเสร็จเป็น 45,000 บาท  อ้างจะเอาไปบอกแฟนว่าหมาราคาแพง แต่กลับนำใบเสร็จไปวางเงินค้ำประกันกับบริษัทขนส่ง เพื่อเรียกเงินประกันภัย 4 หมื่นบาท  ด้าน  พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผู้กำกับ สน.สุทธิสาร เตรียมออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำ ส่วนนักศึกษาแพทย์คนดังกล่าว คาดจะออกหมายเรียกในสัปดาห์หน้า. -สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย