กรุงเทพฯ 24ต.ค.-กระทรวงดีอี เพิ่มช่องทางลงนามแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ออนไลน์ พร้อมวางมาตรการป้องกันเว็บไซต์หมิ่นสถาบันจัดหน่วยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่บริเวณโดยรอบพระบรมหาราชวังว่า ทางกระทรวงดีอีได้เพิ่มช่องทางการลงนามแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์กระทรวงดีอี เพื่อรวบรวมรายชื่อและส่งต่อไปยังรัฐบาล โดยได้นำไอแพดจำนวน 3 เครื่อง ตั้งโต๊ะไว้ที่เต็นท์ของกระทรวงดีอี บริเวณท้องสนามหลวง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมาลงนามแสดงความอาลัยหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้วย
พลอากาศเอกประจิน ยังกล่าวถึงมาตรการการป้องกันเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยประสานความร่วมมือกับหลายภาคส่วน ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือประชาชนให้ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารทางโซเชียลมีเดีย และอย่ากดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์ตอบโต้บทความที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อสถาบันและความมั่นคงของชาติ เพราะนอกจากจะไม่เหมาะสมแล้วยังเสี่ยงผิดกฎหมาย จึงขอให้ประชาชนที่พบเว็บไซต์หรือบทความที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันหรือต้องสงสัยว่าผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แจ้งมาทางศูนย์ที่เบอร์ 1212 ตลอดเวลา
พลอากาศเอกประจิน ยังเปิดเผยว่า กระทรงดีอีได้ประสานความร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อย่างใกล้ชิด และดำเนินการปิดเว็บไซต์หมิ่นสถาบันตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 26 ที่ระบุความผิดเกี่ยวกับเนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคง ยั่วยุ หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่หากเข้าข่ายความผิดดังกล่าว รัฐบาลสามารถปิดเว็บหมิ่นได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่เว็บที่ถูกปิดจะเป็นเว็บในประเทศ และขณะนี้สามารถปิดเว็บไซต์หมิ่นสถาบันไปได้กว่าร้อยละ 50 รวมทั้งแจ้งเตือนไปทางไอดีของผู้กระทำผิดทั้งในและต่างประเทศได้แล้วหลายราย ทั้งนี้ ตั้งเป้าจะระงับเว็บไซต์หมิ่นให้ได้ 100% นอกจากนี้ยังเตรียมขอความร่วมมือไปทางผู้บริหารแอพพลิเคชั่นไลน์และเฟซบุ๊กต่อไป หลังจากที่ได้ที่ประสานขอความร่วมมือไปทางกูเกิลและยูทูบ ซึ่งผู้ให้บริการได้ตอบรับและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม นอกจากรัฐบาลจะใช้มาตรการทางกฎหมายแล้วขณะเดียวกันจะให้ความรู้และทำความเข้าใจกับประชาชนควบคู่ไปด้วย.-สำนักข่าวไทย