มูลนิธิผู้บริโภคค้านขึ้นค่าโดยสารบีทีเอส

อนุสาวรีย์ชัยฯ 31 ส.ค. – มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคคัดค้านขึ้นค่าโดยสารบีทีเอส ชี้กระทบค่าครองชีพประชาชน ระบุสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานีล่าช้าเกือบ 3 ปี แนะเร่งปฏิรูปการบริการขนส่งสาธารณะให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงในราคาที่เป็นธรรม


นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) และคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) กล่าวว่า ขอคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารบีทีเอสใหม่ที่จะมีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2560 โดยเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทบทวนการอนุญาตให้ปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากส่งผลกระทบให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น ซึ่งอัตราค่าโดยสารบีทีเอสปัจจุบันหากเทียบระยะทางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผู้โดยสารได้รับ ถือว่าค่าโดยสารแพงกว่ารถไฟฟ้าในประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกงและโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประชาชนมีรายได้ขั้นต่ำเฉลี่ยต่อหัวสูงกว่าประเทศไทยมาก 

นอกจากนี้ ขอให้ชะลอการขึ้นราคาจนกว่าจะมีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดตามคำพิพากษา คดีแดงที่ อ.650/2557 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ที่มีคำสั่งให้จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการและผู้สูงอายุครบทั้ง 23 สถานี อาทิ การจัดทำลิฟต์ทุกสถานี จากปัจจุบันมีเพียง  5 สถานีเท่านั้น จัดที่ว่างสำหรับเก้าอี้รถเข็นคนพิการให้มีความกว้างไม่น้อยกว่า 120 เซนติเมตร และมีราวจับสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 80 เซนติเมตร บริเวณทางขึ้น-ลง และติดสัญลักษณ์คนพิการทั้งในและนอกตัวรถคันที่จัดไว้สำหรับคนพิการ โดยให้ดำเนินการเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา แต่ปัจจุบันเกือบ 3 ปีแล้วบีทีเอสยังก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 23 สถานีไม่เสร็จตามกำหนด ซึ่งการปรับขึ้นราคาขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกไม่พร้อมถือว่าไม่เป็นธรรม เอาเปรียบประชาชน จึงอยากให้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้เสร็จก่อน จึงพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารใหม่อีกครั้ง ส่วนการจัดซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 46 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ รวมเป็น 184 ตู้ ก็เป็นการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบีทีเอสทั้งสิ้น จึงไม่ควรนำประเด็นดังกล่าวมาขึ้นค่าโดยสารและเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางให้กับประชาชน ทั้งนี้ อยากให้มีการถามความคิดเห็นของภาคประชาชนก่อนมีการปรับขึ้นราคา หลังจากนี้จะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเร็วที่สุด 


ทั้งนี้  ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปฏิรูปบริการขนส่งสาธารณะให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย พร้อมทบทวนภาพรวมค่าบริการขนส่งสาธารณะให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะทุกประเภทในราคาที่เป็นธรรม ควรกำหนดให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายการเดินทางต่อวันไม่เกินร้อยละ 10 ของค่าแรงขั้นต่ำเช่นเดียวกับประเทศมาเลเซีย เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ค่าเดินทางไม่ควรเกิน 30 บาทต่อวัน หรือกำหนดค่าใช้จ่ายสูงสุดต่อวันที่สามารถให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณะทุกประเภทได้เช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลีย

ขณะเดียวกันบีทีเอส มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยรายได้จากการดำเนินงานไตรมาส 1/2560 จำนวน 3,110.3 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,553.5 ล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 100.2 รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง ไตรมาส 1/2560 จำนวน 473.7 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดผู้โดยสารรวมในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไตรมาส 1/2560 จำนวน 58 ล้านเที่ยวคน ขยายตัวร้อยละ 2.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผู้โดยสาร 56.8 ล้านเที่ยวคน .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย