คาดอีก 14 ปี อัตราเพิ่มผู้สูงอายุไทยพุ่งอันดับ 2 เอเชีย

กรุงเทพฯ 22 ส.ค.-หลายหน่วยงานร่วมเสนอ ผลักดันนโยบาย “ขยายอายุการจ้างงานหลังเกษียณ” เสนอ 3 แนวทางต่ออายุหลังเกษียณ เน้นสมัครใจทั้งลูกจ้าง นายจ้าง นำไปปรับใช้ให้เหมาะสม ช่วยรับมือสังคมสูงวัย มีหลักประกันรายได้ เปลี่ยนภาระเป็นพลัง


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย(มส.ผส.)และภาคีเครือข่าย จัดงานเวทีขับเคลื่อนนโยบาย “ขยายอายุการจ้างงาน : คุณค่าต่อสังคมไทย”  โดยมี นพ.วิชัย  โชควิวัฒน ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ และรองประธานคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ คนที่ 2 เป็นประธานเปิดงาน  ร่วมด้วยนพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ผู้บริหารและสถานประกอบการโครงการนำร่อง 13 แห่ง


นพ.วิชัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มาตั้งแต่ ปี 2548  เนื่องมาจากอัตราการเกิดลดลง  อัตราประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้น และคาดว่าในปี 2564 จะมีประชากรสูงอายุมากถึง 13 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และในปี 2574 จะมีประชากรสูงอายุ ร้อยละ 28 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super Aged Society) สถานการณ์เหล่านี้นำมาสู่ประเด็นปัญหาผู้สูงอายุด้านต่าง ๆ ทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาด้านสุขภาพและปัญหาสังคม เมื่อเปรียบเทียบความรวดเร็วในการเพิ่มจำนวนอัตราของผู้สูงอายุของประเทศในภูมิภาคเอเชียแล้ว  ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในประเทศที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วเป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศสิงคโปร์ โดยมีประเทศบรูไน เป็นอันดับ 3 และประเทศเวียดนามเป็นอันดับ 4 ประเทศไทยจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือโดยเฉพาะการส่งเสริมหรือการสร้างโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ทำงานต่อไปอย่างเหมาะสมหลังเกษียณ เป็นการส่งเสริมคุณค่าของผู้สูงอายุ และเป็นการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้กับผู้สูงอายุ ตลอดจนเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม


นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า จากการสำรวจประชากรสูงอายุในไทย ปี 2557 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าในจำนวนผู้สูงอายุ 10,014,705 คน ร้อยละ 38.4 เป็นผู้ที่ทำงานอยู่ และประมาณร้อยละ 24.9 ของผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 60 – 69 ปี มีความต้องการที่จะทำงาน  ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยมีศักยภาพมีส่วนร่วมในการทำงาน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ และต้องการที่จะอยู่ในตลาดแรงงาน ซึ่งช่วยลดภาระพึ่งพิง เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

ด้าน นางภรณี ภู่ประเสริฐ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า การสร้างเสริมโอกาสในการทำงานให้ผู้สูงอายุ การขยายอายุการทำงานหรืออายุเกษียณ เป็นนโยบายที่มีความสำคัญและมีบทบาทอย่างยิ่งในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยเวลา ดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีขั้นตอน ไม่กระทบสิทธิของลูกจ้าง โดยต้องสร้างความตระหนักรู้และการยอมรับจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สสส. เห็นความสำคัญจึงร่วมกับมส.ผส.กระทรวงแรงงาน  กรมกิจการผู้สูงอายุ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายต่างๆ ดำเนินการโครงการนำร่องการขยายอายุการจ้างงานแรงงานสูงวัยในสถานประกอบการเพื่อสร้างต้นแบบและแนวทางในการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ได้ข้อค้น พบสำคัญ มองเห็นปัญหาและอุปสรรค ผ่านประสบการณ์ตรงของสถานประกอบการ 13 แห่งนำร่อง ปัจจุบันนโยบายการขยายอายุการทำงานของแรงงานสูงวัยในสถานประกอบการ ได้รับการตอบรับจากสังคมอย่างกว้างขวาง จนนำมาสู่การออกมาตรการต่างๆของภาครัฐ รวมทั้งได้มีการกำหนดเป็นประเด็นในการขับเคลื่อนของคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) ในเรื่องการจ้างงานผู้สูงอายุ ซึ่งชัดเจนว่า การขยายอายุการทำงานเป็นการส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แรงงานสูงวัย เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางรายได้ให้กับผู้สูงอายุสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี ลดภาระและการพึ่งพิงครอบครัว และสังคมได้ ตลอดจนสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ

ขณะที่ พญ.ลัดดา ดำริการเลิศ  เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย(มส.ผส.) กล่าวว่า จากการศึกษาของมส.ผส.ขอเสนอรูปแบบการขยายการจ้างแรงงานสูงอายุ 3 รูปแบบ ดังนี้ 1. ขยายอายุการเกษียณ จากเดิม 55 ปีบริบูรณ์ เป็นการต่อสัญญาทำงานต่อแบบปีต่อปี ที่ลูกจ้าง ยังอยู่ในระบบประกันสังคม  2.การจ้างงานเข้ามาใหม่หลังอายุเกษียณ ลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์ หรือ เงินชดเชยต่างๆ จาการลาออกทั้งหมด เช่น ค่าชดเชยการเลิกจ้าง เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  สิทธิชราภาพจากประกันสังคมแบบบำเหน็จ/บำนาญ แต่เมื่อกลับเข้ามาทำงานในระบบใหม่ ลูกจ้างจะต้องสมัครเข้าระบบประกันสังคมอีกครั้ง โดยเริ่มนับระยะเวลาการส่งเงินสมทบเข้าประกันสังคมใหม่ 

และ 3. การขยายอายุเกษียณเป็นการทั่วไปของบริษัทที่อายุมากกว่า 55 ปี เป็นการกำหนดเงื่อนไขใจการทำงานใหม่ โดยให้การเกษียณมากกว่าอายุ 55 ปี ซึ่งผู้ประกอบการสามารถขยับอายุการเกษียณสำหรับแรงงานที่อายุยังไม่มากได้ เพื่อลดผลกระทบจากการวางแผนของแรงงานในแต่ละช่วงวัย เช่น หากเป็นแรงงานใหม่อาจกำหนดอายุการเกษียณที่ 60 ปีไว้ในเงื่อนไขการจ้างงานตั้งแต่ต้น ในขณะที่แรงงานเก่าให้เป็นไปตามสมัครใจของแรงงาน ในส่วนของเงินสำรองเลี้ยงชีพของทั้ง 3 รูปแบบนั้น เหมือนกันคือ เป็นภาคสมัครใจ ดังนั้นจะสะสมหรือไม่สะสมต่อเนื่องก็เป็นไปตามนโยบายของแต่ละสถานประกอบการ

“ในทางปฏิบัติสถานประกอบการแต่ละแห่งจะแตกต่างกันออกไป สถานประกอบการควรเลือกและนำไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับองค์กรของตนเอง และควรยึดมาตรฐานแนวทางปฏิบัติที่ดี เช่น ประกาศแนวทางในการจ้างแรงงานสูงอายุที่ชัดเจน  ,จัดทำปฏิทินการดำเนินการในแต่ละปี เช่น ช่วงเวลาเปิดรับสมัครแรงงานที่ต้องการขยายอายุแรงงาน เงื่อนไข รายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อให้แรงงานสูงอายุที่ต้องการทำงานสามารถวางแผนต่อได้”พญ.ลัดดา กล่าว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

ข่าวแนะนำ

ทหาร-ตร.วางกำลังแน่นตลอดแนวชายแดน จ.สระแก้ว

สระแก้ว 10 มิ.ย. – ทหารพราน-ตำรวจ วางกำลังแน่นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพิ่มความเข้มงวดลาดตระเวน-ตั้งจุดตรวจคัดกรอง ขณะที่ตลาดโรงเกลือยังเปิดทำการ แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ด้านชาวบ้าน จ.บุรีรัมย์ เริ่มคลายกังวล ออกทำไร่ทำสวน ใช้ชีวิตปกติ บรรยากาศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ อ.โคกสูง และ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ยังคงเคร่งครัดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 12-13 ตชด. จัดกำลังออกลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โคกสูง ซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนเพียงไม่กี่กิโลเมตร นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบตามแนวถนนสีเพ็ญ เส้นทางที่เชื่อมชายแดนไทยกับกัมพูชา ใกล้ตลาดโรงเกลือ จุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ แม้จะมีการวางกำลังแน่นหนา แต่ในช่วงเช้าวันนี้ (10 มิ.ย.) ตลาดโรงเกลือยังคงเปิดทำการตามปกติ พ่อค้าแม่ค้านำสินค้านานาชนิดมาวางขาย เช่น เสื้อผ้า รองเท้า และของใช้ทั่วไป มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินจับจ่ายซื้อของอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บรรยากาศโดยรวมยังค่อนข้างเงียบเหงากว่าช่วงก่อนหน้า เนื่องจากความวิตกของนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความปลอดภัย หลังเกิดข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางการมีการปรับเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดน ส่งผลให้การเดินทางเข้า-ออกของนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด บรรดานักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งยังคงรู้สึกไม่มั่นใจในการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ชายแดน […]

ปิดตำนาน “บิ๊กสุ” นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี นอกจากบทบาททางการทหารแล้ว พล.อ.สุจินดา ยังมีส่วนสำคัญต่อสถานการณ์การเมืองไทย.-สำนักข่าวไทย

จ่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน “พญ.” แอบอ้างสั่งยานอนหลับ

10 มิ.ย.- จ่อสั่งแพทย์หญิงคนดัง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกจับกุม แอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ พบก่อนหน้านี้เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ปมเอี่ยวจีนเทา กรณีตำรวจ ปส. และ อย. เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึงแพทย์หญิงคนดัง พร้อมจับกุมชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ ยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียนแพทย์หญิงคนดังเกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้ เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่มีการจับกุมสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้ ล่าสุดชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่า แพทย์หญิงคนดัง ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่า หากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ซึ่งจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง […]

นายกฯ คุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี

ทำเนียบ 10 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำผลเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา เรียบร้อยดี เผยคุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี งัดเทคนิค จริงใจเจรจา จนกัมพูชาปรับทัพ บอกรับทราบ “สนธิ” ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลรักษาอธิปไตย ลั่นแก้ทีละปม ไม่เหมารวม MOU 44 พร้อมขอบคุณ จนท.ทุกหน่วย ขอ ปชช.มั่นใจไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายผลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่มีความขัดแย้งกัน และปฏิบัติงานร่วมกันหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี โดยในระดับนโยบาย รัฐบาลได้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพในพื้นที่ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้พูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำว่าทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน ทั้งไทยและกัมพูชา และตนเองก็ได้พูดคุยกับพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานองคมนตรี ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็มีการประสานงานและเจรจากันเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน […]