กรุงเทพ ฯ 26 ต.ค.- ธนาคารโลก เผย อันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจของไทยดีขึ้น 3 อันดับ อยู่ที่ 46 ของโลก และเป็นอันดับที่ 3 ของ อาเซียน โดยมีการปรับปรุงดีขึ้น 5 ด้าน ส่วนนิวซีแลนด์ ครองอันดับที่ 1
นายอูลริค ซาเกา ผู้อำนวยการธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวถึงรายงานผลการวิจัยของประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ (Doing Business 2017) ว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยไทยได้รับการปรับจากอันดับที่ 49 เป็นอันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 และมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 23
โดยไทยมีผลคะแนนรวมทุกด้านที่ 72.53 คะแนน และมีผลการจัดอันดับด้านดีขึ้น 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจจากอันดับ 96 มาเป็นอันดับที่ 78 การเริ่มต้นทำธุรกิจในไทยสะดวกขึ้นด้วยการพัฒนาระบบกลางในการดำเนินการเริ่มต้นธุรกิจที่ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวผ่านระบบออนไลน์ หรือ Biz portal ด้านการได้รับสินเชื่อ จากอันดับที่ 97 มาเป็นอันดับที่ 82 โดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติได้จัดทำคะแนนเครดิต ( Credit Scoring) แก่สถาบันการเงิน ทำให้สามารถสืบค้นเพื่อการวิเคราะห์สินเชื่อได้ง่าย
ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน จากอันดับที่ 36 มาเป็นอันดับที่ 27 ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง จากอันดับที่ 57 มาเป็นอันดับที่ 51 ซึ่งกรมบังคับคดีได้พัฒนาระบบ e-filing ให้สามารถยื่นคำร้องขอชำระค่าใช้จ่ายผ่านทางเว็ปไซด์ ซึ่งอำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจ รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจและประชาชน เช่น พ.ร. บ. หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 และด้านการแก้ไขการล้มละลาย จากอันดับที่ 49 มาเป็นอันดับที่ 23ซึ่งมีการแก้ไขพ.ร.บ. ล้มละลาย ( ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2558 ทำให้ลดระยะเวลาและขั้นตอนในการบังคับคดีล้มละลายลง และ พระราชบัญญัติล้มละลาย ( ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2558 ที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยการปรับปรุงบริการภาครัฐที่ธนาคารโลกถือว่าเป็นการปฏิรูปที่สำคัญ มี 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นการทำธุรกิจ ด้านการได้รับสินเชื่อ และด้านการแก้ปัญหาล้มละลาย
นายอูลริค กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศดียิ่งขึ้นได้ ด้วยการให้ความสำคัญกับการปฏิรูปอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ดีขึ้น นอกจากนี้การดำเนินการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การพัฒนาแรงงานให้มีทักษะผ่านการศึกษาที่มีคุณภาพ รวมถึงการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ ยังช่วยให้คนไทยมีงานทำเป็นงานที่ดีขึ้นด้วย
สำหรับประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 5 อันดับแรกในรายงานDoing Business 2017 ได้แก่ อันดับ 1 นิวซีแลนด์ อันดับ 2 สิงคโปร์ อันดับ 3 เดนมาร์ก อันดับ 4 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และ อันดับ 5 เกาหลีใต้ โดยอินโดนีเซีย และ บรูไน ดารุสซาลาม เป็น 2 ประเทศ ที่มีการปฏิรูปมากที่สุด ซึ่งอินโดนีเซียได้ทำการปฏิรูป 7 เรื่อง และ บรูไน ดารุสซาลาม ได้ดำเนินการปฏิรูป 6 เรื่อง
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ สำนักงานก.พ.ร. เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับที่ดีขึ้น มาจากการที่ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือผลักดันและลดปัญหาและอุปสรรคในการประกอบธุรกิจให้น้อยลง อย่างไรก็ตามภาครัฐยังต้องเร่งในการพัฒนาบริการให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับต้นๆต่อไป.- สำนักข่าวไทย