ผู้ว่า สตง.แจงส่งหนังสือถึง มท. เฝ้าระวังใช้เงินท้องถิ่น

ทำเนียบฯ 18 ส.ค.-ผู้ว่า สตง.แจงส่งหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย เฝ้าระวังใช้เงินท้องถิ่น ขนคนมาศาล ปรามสำเร็จ ไม่พบความเคลื่อนไหว พร้อมประสานกองทัพส่งข้อมูลหากพบความผิดปกติ


นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวถึงการออกหนังสือแจ้งกระทรวงมหาดไทยให้เฝ้าระวัง หลังมีข่าวเชิงลึกว่าอาจมีการใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางพื้นที่จัดกิจกรรมให้ประชาชนมารวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาล ส่วนจะเป็นคดีอะไรนั้น ยังไม่ยืนยัน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าท้องถิ่นใดดำเนินการ

“ยืนยันว่ามีความประสงค์ต้องการให้ท้องถิ่นใช้เงินอย่างมีวัตถุประสงค์ ไม่ถูกเบี่ยงเบน  เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง จึงต้องป้องกันปัญหาไว้ก่อน โดยการทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับการตอบสนองอย่างดี และกระทรวงมหาดไทยได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและอำเภอต่าง ๆ ให้เข้มงวดกวดขันให้การไช้เงินเป็นไปอย่างมีประโยชน์จริง ๆ ขณะเดียวกันมีการประสานงานหน่วยงานด้านความมั่นคง ขอความร่วมมือว่าหากได้การข่าวมาในทางใดที่มีการใช้จ่ายเงินในช่วงนี้ ลักษณะพาคนเข้ามาดูงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขอให้ช่วยแจ้งข่าวให้ สตง.ทราบ เพื่อเข้าไปตรวจสอบว่าการเดินทางมีวัตถุประสงค์ใดและมีประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ หากเราสามารถป้องกันได้เช่นนี้ เงินแผ่นดินก็จะถูกใช้ไปได้อย่างเหมาะสมและไม่เกิดปัญหา” นายพิศิษฐ์ กล่าว


นายพิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นการป้องปราม หลังจากมีข้อมูลที่ปรากฏทางสื่อและมีข้อมูลเชิงลึกว่าจะมีการเตรียมการในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ต้องการให้หนังสือที่แจ้งเตือน เป็นบรรทัดฐานในการทำงานของท้องถิ่นว่าหากมีการใช้จ่ายเงินในการฝึกอบรมดูงาน ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล หรือที่อื่น ๆ ต้องใช้จ่ายอยู่ในวัตถุประสงค์ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือหมิ่นเหม่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนเกิดความสงบสุขและรักษาประโยชน์ของเงินแผ่นดินไว้

นายพิศิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กระแสตอบรับดี บางแห่งที่มีโครงการ ก็ชะลอโครงการและชี้แจงวัตถุประสงค์ และให้ สตง.เข้าไปตรวจสอบ หากมีประโยชน์ ไม่ขัดต่ออำนาจหน้าที่ ไม่มีประโยชน์ทับซ้อน สามารถดำเนินการได้ ไม่ได้ห้าม เพียงแต่ขอให้มั่นใจว่าท้องถิ่นนั้นได้ใช้จ่ายเงินไปตามวัตถุประสงค์ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในสิ่งแวดล้อมและสังคม

“ถ้าดำเนินการแล้วต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา โดยหลักการอธิบายว่าการใช้จ่ายเงิน หากผิดวัตถุประสงค์ ก็จะไม่สามารถเบิกเงินจากทางราชการได้ ตลอดจนหลักฐานการเขียนรายงานต่าง ๆ ไม่ส่งกับข้อเท็จจริงก็จะเป็นหลักฐานเท็จ ก็จะมีความผิด อาจถูกดำเนินคดีได้ ทั้งนี้พบข้อมูลในท้องถิ่นหลายจังหวัด แต่เมื่อรู้ก็รีบป้องปรามก่อน แล้วเขาก็หยุด ไม่ทำก็ไม่เสียหาย เราจึงจะไม่เปิดโปง เพราะเมื่อเขาไม่ได้ทำแล้วไปเปิดเผยจะกลายเป็นไปเพ่งเล็งเขา และสิ่งที่ป้องปรามใช้ได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง หรือกลุ่มสีใด สตง.เราไม่เกี่ยง แต่ย้ำอย่าให้ท้องถิ่นไปใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ สตง.จะเข้าไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม จากนี้ สตง.จังหวัดจะร่วมกันดูแลสอดส่อง ซึ่งจากการรายงาน ขณะนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพราะเมื่อท้องถิ่นทราบปัญหาและมีความเสี่ยง ทุกหน่วยก็ระมัดระวัง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี” นายพิศิษฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล