กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – รมว.คลังเผยกำลังศึกษาระบบการยืนยันตัวตน หรือ KYC ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ของระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยืนยันเน้นปลอดภัยจากการแฮกข้อมูล
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ตลาดทุนไทยจะเป็นอย่างไรในอนาคต” ในงาน Thailand Investment Fest 2017 ว่า ขณะนี้คณะทำงาน ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังทำการศึกษาระบบการยืนยันตัวตน (Know your Customer: KYC) ของสถาบันการเงิน เหมือนกับในหลายประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยระบบKYC จะช่วยให้สถาบันการเงินรับรู้ข้อมูลของลูกค้า สามารถระบุตัวตนและพิสูจน์ตัวตนอย่างถูกต้องผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องมาแสดงตนที่สาขาสถาบันการเงิน และยังมีประสิทธิภาพตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินกับการก่อการร้ายด้วย โดยอยากให้ระบบ KYC เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด แต่ต้องมีความปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ของระบบอิเล็กทรอนิกส์
“โดยขณะนี้คณะทำงานกำลังศึกษาอยู่ว่าระบบKYC ว่าจะต้องมีความละเอียดมากสุด น้อยสุดในระดับใด ต้องรู้ตัวตนของลูกค้ารู้จักลูกค้าซึ่งจะมีการเชื่อมโยงกันทั้งระบบโดยยืนยันก่อนจะนำออกมาใช้นั้น คณะทำงานจะต้องทดสอบระบบเพื่อให้ไม่เกิดปัญหาการล้วงข้อมูล หรือ แฮกเกอร์” นายอภิศักดิ์กล่าว
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า สถาบันการเงินต้องมีการปรับตัว ซึ่งขณะนี้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ตั้งแผนกดิจิทัล ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ บางแห่งก็ปิดสาขาลง เนื่องจากต้นทุนดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ต่ำกว่าการเปิดสาขาอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0
นายอภิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ให้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนได้ทันถ่วงที เช่น หากมีผู้บริหาร หรือ กรรมการทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการส่วนรวม หรือ ผู้ถือหุ้นขัดแย้งหรือทะเลาะกัน พบว่าผลจากการรับฟังความเห็นส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยในการเพิ่มอำนาจดังกล่าว โดยนักลงทุนรายย่อยเข้าไปแสดงความเห็นไม่มากนัก ส่งผลให้ ก.ลต.ยังคงต้องใช้กฎหมายเดิม .- สำนักข่าวไทย
