กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – “พิชัย” เผยผลหารือรอบ 2 กับ USTR เป็นไปในทิศทางบวก มั่นใจได้อัตราภาษีต่ำกว่า 36% โดยจะเป็นอัตราใกล้เคียงประเทศในภูมิภาค คาดสหรัฐแจ้งผลเร็วๆ นี้ ย้ำข้อเสนอไทยผ่านการกลั่นกรองรอบด้าน เตรียมแผนสำรองรับมือทุกสถานการณ์ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดส่งออกทั่วโลก
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการหารืออย่างเป็นทางการระหว่างคณะผู้แทนไทยและสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) รอบที่ 2 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ช่วงค่ำของวันที่ 17 กรกฎาคม โดยระบุว่า บรรยากาศหารือเป็นไปด้วยดี ฝ่ายไทยมีความมั่นใจว่า อัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยที่สหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณานั้น จะต้องต่ำกว่า 36% ซึ่งเป็นอัตราเดิมที่ถูกตั้งไว้ก่อนหน้านี้ และเชื่อว่า จะถูกปรับให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม
สำหรับข้อเสนอที่ไทยยื่นต่อสหรัฐฯ ในรอบนี้ ยังคงอยู่ในกรอบหลัก 5 ประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องภาษีนำเข้า ซึ่งมีการปรับปรุงรายละเอียดตามข้อเสนอแนะจากหลายภาคส่วนภายในประเทศ ทั้งภาคธุรกิจ ภาคเกษตร และหน่วยงานรัฐ โดยฝ่ายไทยได้ดำเนินการ “Stress Test” หรือการทดสอบความพร้อมและผลกระทบเชิงลึก เพื่อให้ข้อเสนอมีความรอบด้านและตรงจุดที่สุด
นายพิชัย กล่าวว่า การหารือรอบล่าสุดนี้ ไม่ใช่การเริ่มต้นใหม่ แต่เป็นการอัปเดตความคืบหน้าในระดับนโยบาย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การตัดสินใจของฝ่ายสหรัฐฯ ให้ทันภายในกำหนดเดือนสิงหาคม ซึ่งบรรยากาศโดยรวมถือว่าเป็นไปในทางบวก และมีความมั่นใจมากขึ้นจากทั้งสองฝ่าย
แม้การเจรจาจะยังไม่สิ้นสุด แต่ไทยได้เตรียมแผนสำรองไว้ตลอดเวลา และมองว่าความท้าทายในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะ “ยกเครื่องเศรษฐกิจไทย” ทั้งในด้านการผลิต การลงทุน และศักยภาพการแข่งขัน โดยเฉพาะการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ ปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย คิดเป็นสัดส่วนราว 18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ขณะที่ยังมีอีก 82% ของตลาดโลกที่ไทยสามารถขยายตัวได้ ดังนั้น แม้การส่งออกไปสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบบางส่วน ไทยก็สามารถชดเชยได้ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังประเทศอื่นเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงแนวทางป้องกันการสวมถิ่นกำเนิดสินค้า การปรับปรุงระบบตรวจสอบให้ทันสมัย และการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัล เช่น ระบบใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานของไทยมากขึ้น รวมถึงการส่งสัญญาณว่า ไทยพร้อมเป็นพันธมิตรการค้าที่มีความโปร่งใสในระยะยาว
ทั้งนี้ ทีมไทยแลนด์ประจำกรุงวอชิงตันจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานงานกับฝ่ายสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายไทยได้รับแจ้งจาก USTR ว่า ผลการหารือรอบนี้จะเสนอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พิจารณา และหากมีความคืบหน้าใด ๆ ทางการสหรัฐฯ จะแจ้งให้ไทยทราบ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความชัดเจนอย่างเป็นทางการภายในเร็วๆ นี้. -512-สำนักข่าวไทย
