ป.ป.ส.ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้ายาเครือข่าย “ไอ ยี่ ซอ”

ป.ป.ส 21 ก.ค. – ป.ป.ส.ขยายผลปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 2 จับกุมผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่ายนายไอ ยี่ ซอ รวบผู้ต้องหา 5 ราย คีตามีน 150 กก. ไอซ์ 5 กก. ในพื้นที่สมุทรปราการ ยึดทรัพย์กว่า 3.3 ล้านบาท


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , ผู้แทนหน่วยข่าวกรองทางทหาร หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองบังคับทหารอากาศดอนเมือง และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน คีตามีน 150 กก. ไอซ์ 5 กก. เหตุเกิดที่ โกดังเก็บพักยาเสพติดในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารวม 5 จุด (จ.สมุทรปราการ, จ.พะเยา) ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิ รถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน สร้อยคอทองคำ เงินในบัญชีธนาคาร และเงินสด รวมมูลค่าประมาณ 3,350,000 บาท

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ที่มาของการจับกุมคดีนี้สืบเนื่องจากสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการสืบสวนเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ ชาวเมียนมา (นาย ไอ ยี่ ซอ) มีพฤติการณ์ในระดับผู้สั่งการ และจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านให้บุคคลในเครือข่ายลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 สำนักงาน ป.ป.ส. จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมเฮโรอีน 91.7 กก. ซุกซ่อนในช่องลับรถยนต์ เหตุเกิดที่ โกดังในพื้นที่ จ.นนทบุรี ยึดทรัพย์สินมูลค่า 5.5 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ นาย ไอ ยี่ ซอ กับพวกรวม 6 คน ในฐานะผู้สั่งการ/ผู้ร่วมขบวนการ ต่อมาวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่สืบสวนกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดเครือข่ายนาย ไอ ยี่ ซอ พบรถยนต์ต้องสงสัยเดินทางมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ภาคกลาง จึงประสานด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ จ.แพร่ ตรวจสอบและสามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมยาบ้า 600,000 เม็ด ซุกซ่อนในช่องลับรถยนต์ กระทั่งต่อมาในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2667 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี เปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 2 เพื่อดำเนินการต่อนาย ไอ ยี่ ซอ และบุคคลในเครือข่าย ซึ่งถูกออกหมายจับรวม 6 คน ปิดล้อมตรวจค้น 11 จุด 5 จังหวัด (จ.เชียงราย, จ.พิษณุโลก, กทม.,จ.นนทบุรี, จ.ชลบุรี) สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 คน ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 101 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 สามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับได้เพิ่มเติมอีก 1 คน ในพื้นที่ จ.นครปฐม


หลังจากถูกออกหมายจับ นาย ไอ ยี่ ซอ ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังคงมีพฤติการณ์สั่งการบุคคลในเครือข่ายให้ดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงสืบสวนติดตามพฤติการณ์เครือข่ายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด กระทั่งวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ชุดปฏิบัติการพื้นที่ภาคเหนือ พบพฤติการณ์ต้องสงสัยของผู้ลำเลียงยาเสพติด ที่ใช้รถยนต์กระบะทำช่องลับลำเลียงยาเสพติด ข้ามจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมามาเปลี่ยนป้ายทะเบียนไทย ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. จึงสั่งการให้ สำนักปราบปรามยาเสพติด บูรณาการความร่วมมือกับ ปปส.ภ.5, ศปก.ทบ., ศรภ., ศอ.ปส.ทอ., ชปพ.ศอ.ปส.ทร. (นสร.กร.) และ ขกท.ทบ. ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวจากพื้นที่ จ.เชียงราย กระทั่งวันที่ 20 กรกฎาคม 2568 พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวถูกนำไปจอดทิ้งไว้ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ โดยผู้ขับขี่ได้มานั่งรออยู่บริเวณใกล้เคียง จากนั้นมีบุคคลมาขับรถคันดังกล่าวออกไป และนำเข้าไปจอดที่โกดังลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพร้อมจับกุม ผู้ต้องหารวม 5 คน คีตามีน 150 กก. ไอซ์ 5 กก. ซุกซ่อนในช่องลับรถยนต์ จากนั้นขยายผลตรวจค้นรวม 5 จุด (จ.สมุทรปราการ 4 จุด, จ.พะเยา 1 จุด) ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิ รถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน สร้อยคอทองคำ เงินในบัญชีธนาคารและเงินสด รวมมูลค่าประมาณ 3,350,000 บาท

ผู้ต้องหาให้การว่า ในคดีนี้มีผู้ว่าจ้างให้ไปรับยาเสพติดในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง (จ.สมุทรปราการ, จ.นนทบุรี) ตั้งแต่ห้วงกลาง ปี 2568 ระยะเวลารวม 3 เดือน เคยลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 4 ครั้ง ได้ค่าจ้างลำเลียงยาเสพติดครั้งละ 400,000 บาท ยาเสพติดที่เคยลำเลียงได้แก่ คีตามีน ไอซ์ ครั้งละประมาณ 50-100 กก. และยาบ้าหลักแสนเม็ด

เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวอีกว่า ป.ป.ส. มุ่งเน้นจับกุมกวาดล้างยาเสพติดตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมถึงกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาดและเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการ ยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี ทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้ครบทั้งวงจร โดยภาพรวมสามารถจับกุมบุคคลในเครือข่าย นาย ไอ ยี่ ซอ รวม 14 คน ผู้ต้องหาในคดีหลัก 10 คน, ออกหมายจับ 6 คน (จับตามหมายได้ 4 คน) ของกลางยาเสพติด คือ เฮโรอีน 91.7 กก. ยาบ้า 600,000 เม็ด คีตามีน 150 กก. และไอซ์ 5 กก. ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 114 ล้านบาท.-119-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย

กทม. 1 ก.ย.-“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย เผยชีวิตนี้ผ่านอะไรมาเยอะ ยันทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อตนเอง หลังจากนี้จะเดินหน้าทำงานต่อไปและทำงานให้หนักขึ้น จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวานนี้ใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมงจัดทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ 250 นาย แต่ปรากฎว่า พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาเปิดหน้ายื่นขอความเป็นธรรมกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ไม่น้อยใจที่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยากให้คนทำงานมีโอกาสได้รับการแต่งตั้ง สำหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งก็ยินดีและดีใจด้วย อย่าง พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคนเก่งและมีความสามารถ ทำงานด้านสืบสวน มองว่าหากตนเองไม่ออกมาให้สัมภาษณ์และให้มีการแก้ไขก็คงแก้ยากเพราะทุกคนไม่มีรายชื่อเข้าไป เพราะฉะนั้นตนเองก็เห็นด้วยที่ ก.ตร. เข้ามาแก้ไขปัญหา ส่วนที่ตนเองไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าการทำเพื่อส่วนรวมและให้ระบบเดินต่อไปได้เป็นสิ่งที่ดี และอยากสร้างมาตรฐานอีกหนึ่งอย่างคือ อยากเห็นแนวทางการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งในหมวดความรู้ความสามารถ อยากให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หาแนวทางในการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่จะมีการแต่งตั้งในระดับผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการในปีต่อไป หลังจากนี้จะต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่าการพิจารณาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชุดเล็กและชุดใหญ่ ควรนำหลักการอะไรมาพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ตำรวจและส่วนรวมได้มีความมุมานะในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน […]

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

ฤทธิ์พายุหนองฟ้าทำหลายจังหวัดอ่วม ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

31 ส.ค. – พายุหนองฟ้าทำพิษ สุโขทัยเจอน้ำท่วมไหลเชี่ยวกรากหลายอำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ขณะที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าหลากท่วมหลายจุด ต้นพะยอม 100 ปี โค่นขวางถนนกลางเมือง ส่วน จ.สกลนคร พายุกระหน่ำกระทบงานไหว้สาพญาเต่างอย พายุหนองฟ้าทำพิษ จ.สุโขทัย น้ำท่วมหลายอำเภอ โดยพื้นที่ที่กระทบหนักคือ อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมือง อ.กงไกรลาศ อ.บ้านด่านลานหอย และ อ.คีรีมาศ ซึ่งเช้าวันนี้ ปภ.แจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนให้รับมือ นอกจากนี้พบว่าพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว อ.เมือง มวลน้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำยม ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรุนแรงและเชี่ยวกราก บ้านเรือนได้รับผลกระทบเกือบ 100 หลัง น้ำป่าเข้าท่วมหลายจุดในพิษณุโลกที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ลงสู่ อ.วังทอง และ อ.เนินมะปราง หลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรเสียหาย โดยถนนทางหลวงช่วงบ้านกกไม้แดง ต.ดินทอง […]

ปชป.ยังไม่มีมติร่วมรัฐบาล กก.บห.มอบหัวหน้าพรรคตัดสินใจ

ปชป. 31 ส.ค. – “เฉลิมชัย” บอก​ ปชป. ยังไม่มีมติเข้าร่วมรัฐบาล ที่ประชุม กก.บห. มอบอำนาจหัวหน้าพรรคตัดสินใจ แจง​จับมือแถลงร่วมเพื่อไทย​ เป็นมารยาท​ เหตุยังร่วม ครม.​ ลั่นสถานการณ์​ปัจจุบัน​ยังไม่มีใครตัดสินใจได้​ ต้องรอฝุ่นจางจะเห็นภาพชัด​ ถ้าด่วนตัดสินใจอาจพลาด​ ย้ำทุกอย่างต้องผ่านมติพรรค ไม่เช่นนั้นเป็นของเถื่อน​ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลากว่า​ 1 ชั่วโมง​ ว่า ต้องบอกว่าวันนี้การเมืองยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อพูดคุยสถานการณ์การเมืองทั้งหมด และกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนตามข้อบังคับพรรค ซึ่งเมื่อ น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง เท่ากับว่ารัฐบาลได้หมดสิ้นไป การดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมาเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมดตามข้อบังคับพรรค เพื่อให้สามารถบริหารงานได้ทันการ ซึ่งที่ประชุมมีมติ ใช้ข้อบังคับ 1 3 และ 4 ยกเว้นการใช้ข้อบังคับพรรค โดยใช้เสียงไม่เกิน 3 ใน 5 ของกรรมการบริหารพรรคที่เข้าร่วมประชุม […]